ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบสกุลเงินหลัก สอดคล้องการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.
ณ เวลา 20.14 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.13% สู่ระดับ 100.053 ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่า 0.29% สู่ระดับ 1.154 เทียบยูโร และดีดตัวขึ้น 0.36% สู่ระดับ 156.95 เยน
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขยอดค้าปลีกและดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนต.ค.ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะบ่งชี้ทิศทางการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดในการประชุมเดือนธ.ค.
นักลงทุนพากันเทน้ำหนักมากกว่า 70% ต่อคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. หลังนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟด สาขานิวยอร์ก ส่งสัญญาณหนุนเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 75.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.50-3.75% ในการประชุมเดือนธ.ค. จากเดิมที่ให้น้ำหนักเพียง 42.4% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 24.5% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมเดือนธ.ค. จากเดิมที่ให้น้ำหนักมากถึง 57.6% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ นายวิลเลียมส์กล่าวว่า เขาคาดว่าเฟดสามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากระดับปัจจุบันได้ เนื่องจากความอ่อนแอของตลาดแรงงานถือเป็นความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่ใหญ่กว่าปัญหาเงินเฟ้อ
สำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐ (BLS) ของกระทรวงแรงงานสหรัฐ ประกาศยกเลิกการเผยแพร่ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนต.ค. ส่งผลให้เฟดขาดข้อมูลเงินเฟ้อสำคัญในการพิจารณาก่อนการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 9-10 ธ.ค.
เว็บไซต์ของ BLS ระบุว่า ดัชนี CPI ประจำเดือนต.ค. ซึ่งเดิมมีกำหนดเผยแพร่ในวันที่ 7 พ.ย. ได้ถูกยกเลิก เนื่องจากการปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์ ทำให้ BLS ไม่สามารถเก็บข้อมูลย้อนหลังของการสำรวจได้
ส่วนดัชนี CPI ประจำเดือนพ.ย. ซึ่งเดิมมีกำหนดเผยแพร่ในวันที่ 10 ธ.ค. จะถูกเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 18 ธ.ค. หลังจากที่เฟดได้จัดการประชุมและตัดสินใจด้านอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ของ BLS เก็บข้อมูลดัชนี CPI ผ่านหลายช่องทาง ทั้งการลงพื้นที่ด้วยตนเอง และการโทรศัพท์สอบถาม ซึ่งทั้งสองแบบไม่สามารถทำได้ในช่วงชัตดาวน์ ส่วนการเก็บข้อมูลออนไลน์และการสำรวจครัวเรือน ก็ทำได้ยากเช่นกัน
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรครั้งต่อไปในวันที่ 16 ธ.ค. ซึ่งจะเป็นตัวเลขการจ้างงานรวมกันของเดือนต.ค.และพ.ย. โดยจะไม่มีการแยกตัวเลขการจ้างงานของทั้งสองเดือนดังกล่าว
การเปิดเผยรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันที่ 16 ธ.ค. ถือว่าล่าช้ากว่ากำหนดในวันที่ 5 ธ.ค. ซึ่งที่ผ่านมา ทางกระทรวงฯ มักเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานในวันศุกร์แรกของแต่ละเดือน
ขณะเดียวกัน กระทรวงฯ จะไม่มีการเปิดเผยตัวเลขอัตราว่างงานประจำเดือนต.ค. เนื่องจากทางกระทรวงฯ ไม่สามารถรวบรวมข้อมูลการว่างงานสำหรับช่วงเวลาดังกล่าว เพราะในขณะนั้นสหรัฐอยู่ในภาวะชัตดาวน์
เจ้าหน้าที่เฟดเคยแสดงความกังวลเกี่ยวกับการขาดข้อมูลในช่วงที่ต้องกำหนดนโยบายการเงิน โดยคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) เพิ่งตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในช่วงปลายเดือนต.ค. แต่รายงานการประชุมเปิดเผยให้เห็นถึงความกังวลของเฟดเกี่ยวกับการได้ข้อมูลเศรษฐกิจที่ไม่ครบถ้วน