ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.49 แกว่งกรอบแคบ รอปัจจัยใหม่ จับตาตัวเลขส่งออกไทยพรุ่งนี้

          นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ อยู่ที่ระดับ 32.49 บาท/ดอลลาร์ จากช่วงเช้า
เปิดตลาดที่ระดับ 32.47 บาท/ดอลลาร์ 
          วันนี้เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบมาก เพียง 5 สตางค์ โดยระหว่างวันอยู่ในกรอบ 32.47-32.52 บาท/ดอลลาร์ โดย
สกุลเงินในภูมิภาคยังเคลื่อนไหวแบบไร้ทิศทาง ซึ่งมีทั้งที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์
          ขณะที่คืนนี้ สหรัฐฯ ยังไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ แต่ในคืนถัดไป จะเป็นการรายงานยอดค้าปลีกเดือนก.ย., ดัชนี
ราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.
          สำหรับปัจจัยในประเทศ วันพรุ่งนี้ กระทรวงพาณิชย์ จะรายงานภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย เดือนต.ค.68 โดย
ตลาดรอดูมูลค่าการส่งออก นำเข้า และยอดดุลการค้า
          นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.40-32.55 บาท/ดอลลาร์

          * ปัจจัยสำคัญ

          - เงินเยน อยู่ที่ระดับ 156.74 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 156.65 เยน/ดอลลาร์
          - เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1530 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1510 ดอลลาร์/ยูโร
          - ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,252.73 จุด ลดลง 1.67 จุด (-0.13%) มูลค่าซื้อขาย 41,791.28 ล้านบาท
          - สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,129.05 ล้านบาท
          - นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวรัฐบาลส่งสัญญาณให้แต่ละ
กระทรวงเสนอโครงการงบประมาณภายในวันที่ 9 ธ.ค.นี้ เพื่อชิงจังหวะก่อนยุบสภา 12 ธ.ค. ว่า ยังไม่มีการสั่งการดังกล่าว วันนี้
ทุกอย่างเป็นไปตามปกติ ขณะที่การเจรจาภาษีกับสหรัฐอเมริกา ยังคงเดินหน้าอยู่
          - ครม.เศรษฐกิจ มีมติเห็นชอบโครงการ Thailand Fast Pass เพื่อเร่งรัดการลงทุนให้กับโครงการที่พร้อมลงทุนในปี 
2568-2570 นำร่องโครงการขนาดใหญ่ 80 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวมกว่า 4.8 แสนล้านบาท
          - ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ชี้ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังเปิดกว้างสำหรับการแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตรา
เพื่อลดผลกระทบข้างเคียงที่เกิดจากการอ่อนของเงินเยน ซึ่งท่าทีดังกล่าวของรัฐบาล สะท้อนให้เห็นว่านายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น มีความกังวล
เกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ
          - สำนักงานสถิติสิงคโปร์ รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ไม่รวมต้นทุนที่อยู่
อาศัยและการขนส่งในภาคเอกชน อยู่ที่ระดับ 1.2% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งสูงกว่าในเดือนก.ย. ที่เพิ่มขึ้นเพียง 0.4% 
และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 0.7% โดยปัจจัยที่ทำให้เงินเฟ้อพื้นฐานของสิงคโปร์พุ่งขึ้นอย่างมาก มาจากการเพิ่มขึ้นของ
ราคาเสื้อผ้า และรองเท้า ตลอดจนบริการสุขภาพ
          - สถาบันเศรษฐศาสตร์อุตสาหกรรมและการค้าแห่งเกาหลี (KIET) ของรัฐบาลเกาหลีใต้ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจเกาหลี
ใต้ มีแนวโน้มเติบโต 1.9% ในปี 2569 โดยได้รับอานิสงส์จากการบริโภคภายในประเทศที่ฟื้นตัว
          - ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) เข้าแทรกแซงตลาดอย่างหนักในวันนี้ เพื่อชะลอแรงกดดันต่อค่าเงินรูปีที่สะสมมาตั้งแต่วัน
ศุกร์ (21 พ.ย) ส่งผลให้ค่าเงินร่วงลงหลุดระดับสำคัญ และเสี่ยงที่จะแตะระดับจิตวิทยาที่ 90 รูปี/ดอลลาร์สหรัฐ โดยล่าสุด ค่าเงินรูปี 
เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 89.16 รูปี/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น 0.35% ในระหว่างวัน
          - ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ที่จะมีการรายงานในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนรายสัปดาห์, 
ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย., ยอดค้าปลีกเดือนก.ย., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการ
ขาย (Pending Home Sales) เดือนต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige 
Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)