ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพุ่งขึ้นกว่า 400 จุด ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน ก่อนที่ตลาดจะปิดทำการในวันพรุ่งนี้
ณ เวลา 00.07 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ บวก 434.29 จุด หรือ 0.92% สู่ระดับ 47,546.74 จุด
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีที่ 27 พ.ย. เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า และจะมีการซื้อขายเพียงครึ่งวันในวันศุกร์
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดวานนี้ทะยานขึ้นกว่า 600 จุด หลังสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นายเควิน แฮสเซตต์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติประจำทำเนียบขาว และเป็นที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นตัวเก็งที่จะมาแทนที่นายเจอโรม พาวเวล ในตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
แหล่งข่าวระบุว่า หากนายแฮสเซ็ตต์ดำรงตำแหน่งประธานเฟด ปธน.ทรัมป์ก็จะมีพันธมิตรใกล้ชิดที่เขารู้จักและไว้วางใจอยู่ในเฟด ซึ่งจะสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามที่ปธน.ทรัมป์ต้องการ
ด้านนายแฮสเซตต์กล่าวก่อนหน้านี้ว่า หากได้รับการเสนอชื่อ เขาพร้อมที่จะรับตำแหน่งดังกล่าว และเขาจะผลักดันการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุกมากขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนพากันเทน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. หลังการเปิดเผยยอดค้าปลีกที่อ่อนแอ และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน
นักลงทุนจับตารายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากเฟดในวันนี้
ทั้งนี้ Beige Book เป็นรายงานซึ่งจะมีการเปิดเผยก่อนการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) เป็นเวลา 2 สัปดาห์ โดยเป็นการประเมินภาวะเศรษฐกิจจากเจ้าหน้าที่เฟดซึ่งประจำอยู่ใน 12 เขตของสหรัฐ
นอกจากนี้ Beige Book เป็นรายงานที่มีการรวบรวมข้อมูลจากมุมมองของผู้นำธุรกิจ รวมทั้งนักเศรษฐศาสตร์และนายธนาคารในภูมิภาค ทำให้ Beige Book สามารถสะท้อนภาวะเศรษฐกิจสหรัฐในวงกว้าง
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 216,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 226,000 ราย
ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ ลดลง 1,000 ราย สู่ระดับ 223,750 ราย
ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 7,000 ราย สู่ระดับ 1.960 ล้านราย