ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงเล็กน้อยในวันอังคาร (2 ธ.ค.) ขณะที่หุ้นกลุ่มการเงินพุ่งขึ้น หลังธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ปรับลดข้อกำหนดด้านการสำรองเงินทุนของธนาคารเพื่อกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ ขณะที่หุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและเหมืองแร่ร่วงลง
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดที่ระดับ 9,701.80 จุด ลดลง 0.73 จุด หรือ -0.01%
ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้น 1.2% หลัง BoE ลดจำนวนเงินทุนที่คาดว่าธนาคารต้องถือครองเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินโลก โดยหุ้น Lloyds Banking Group พุ่งขึ้น 1.9% ขณะที่หุ้น Barclays เพิ่มขึ้น 1.6%
BoE ระบุว่า ปีนี้ความเสี่ยงต่อระบบการเงินของสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้น เนื่องจากมูลค่าบริษัทที่ลงทุนในด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) สูงเกินไป การปล่อยกู้ที่มีความเสี่ยง และการเก็งกำไรด้วยเงินกู้ในตลาดพันธบัตรรัฐบาล
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมอวกาศและกลาโหมพุ่งขึ้น 0.8% โดยหุ้น Rolls-Royce และหุ้น BAE Systems เพิ่มขึ้นราว 0.9%
ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียเตือนยุโรปว่า หากเกิดสงครามกับรัสเซีย จะพ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว และปฏิเสธข้อเสนอของยุโรปเกี่ยวกับยูเครน ก่อนพบผู้แทนสำคัญสองคนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ขณะเดียวกัน OECD ระบุว่า เศรษฐกิจสหราชอาณาจักรจะเติบโตเร็วกว่าที่คาดในปีหน้า โดยอ้างถึงผลกระทบของงบประมาณต่อการบริโภค และแรงกดดันจากความไม่แน่นอนทั่วโลกที่อาจกดดันเงินเฟ้อ
การเปิดเผยงบประมาณอังกฤษเมื่อสัปดาห์ก่อนช่วยบรรเทาความกังวลเกี่ยวกับสถานะการเงินระยะยาวของสหราชอาณาจักร
นักลงทุนในตลาดโลกกำลังรอการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เรื่องอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า โดยตลาดคาดว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ขณะที่คาดว่า BoE จะมีการปรับลดเช่นกันในปลายเดือนนี้
หุ้นเหมืองโลหะมีค่า ร่วงลง 3.8% หลังราคาทองคำลดลง โดยหุ้น Fresnillo ร่วง 3.3% ขณะที่หุ้น Endeavour Mining ร่วง 4.9%
หุ้นเหมืองโลหะอุตสาหกรรมลดลง 1.1% เนื่องจากราคาทองแดงลดลง โดยหุ้น Anglo American ร่วง 1.3%
หุ้นผู้สร้างบ้านร่วง 0.7% โดยหุ้น Barratt Redrow ลดลง 1.7% และหุ้น Berkeley Group ร่วง 3.2% หลัง RBC ปรับลดคำแนะนำลงทุนของทั้งสองหุ้น
หุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น Diageo, Unilever และ Marks & Spencer ร่วงลงระหว่าง 1.3% ถึง 2.1%