อัตราการว่างงานของแคนาดาประจำเดือนพ.ย.ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือน ซึ่งผิดไปจากที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้อย่างมาก โดยได้รับอานิสงส์จากการจ้างงานพาร์ทไทม์ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ส่งผลให้ตัวเลขคนมีงานทำเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3
สำนักงานสถิติแคนาดารายงานวันนี้ (5 ธ.ค.) ว่า ในเดือนพ.ย. อัตราการว่างงานลดลง 0.4% มาอยู่ที่ 6.5% นับเป็นสถิติต่ำสุดตั้งแต่เดือนก.ค. 2567 โดยมียอดจ้างงานสุทธิเพิ่มขึ้น 53,600 ตำแหน่ง ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นในกลุ่มเยาวชนและการจ้างงานพาร์ทไทม์ในภาคสาธารณสุขและสังคมสงเคราะห์กว่า 63,000 ตำแหน่ง
ตัวเลขดังกล่าวสวนทางกับที่นักวิเคราะห์เคยคาดการณ์ว่าการจ้างงานจะลดลง 5,000 ตำแหน่งและอัตราว่างงานจะขยับขึ้นเป็น 7% นอกจากนี้ สาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้อัตราว่างงานลดลงยังมาจากมาตรการจำกัดการย้ายถิ่นฐานของรัฐบาล ซึ่งทำให้จำนวนคนเข้าสู่ตลาดแรงงานลดลงด้วย
ภาพรวมการจ้างงานฟื้นตัวชัดเจนในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา (ก.ย.-พ.ย.) โดยมีตำแหน่งงานใหม่รวม 181,000 ตำแหน่ง ช่วยชดเชยภาวะซบเซาในช่วง 8 เดือนแรกของปีที่นายจ้างชะลอรับคน เนื่องจากความกังวลเรื่องสงครามการค้าและมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กกล้า อะลูมิเนียม และรถยนต์ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
กลุ่มที่ฟื้นตัวโดดเด่นที่สุดคือเยาวชนอายุ 15-24 ปี ซึ่งได้รับผลกระทบหนักสุดจากกำแพงภาษี โดยในเดือนพ.ย.มีการจ้างงานกลุ่มนี้เพิ่ม 50,000 ตำแหน่ง ทำให้อัตราว่างงานเยาวชนลดลงเหลือ 12.8% จากที่เคยพุ่งสูงสุดในรอบ 15 ปีเมื่อเดือนก.ย.
สำหรับข้อมูลค่าจ้าง ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่สำคัญ พบว่าค่าจ้างรายชั่วโมงเฉลี่ยของพนักงานประจำยังคงตัวอยู่ที่ 4% เท่ากับเดือนก่อนหน้า
ตัวเลขแรงงานชุดนี้ถือเป็นข้อมูลสำคัญสุดท้ายก่อนที่ธนาคารกลางแคนาดาจะประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์หน้า ซึ่งตลาดเงินประเมินว่ามีโอกาสสูงถึง 93% ที่ธนาคารจะคงอัตราดอกเบี้ย ขานรับกับตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่ง
ทั้งนี้ หลังการเปิดเผยข้อมูล ค่าเงินดอลลาร์แคนาดาปรับตัวแข็งค่าขึ้น 0.37% มาอยู่ที่ 1.3904 ต่อดอลลาร์สหรัฐ