ตลาดหุ้นยุโรปปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลงในวันศุกร์ (5 ธ.ค.) และปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการขยับขึ้นเล็กน้อย ขณะที่นักลงทุนประเมินรายงานเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่ล่าช้ามานาน ซึ่งช่วยตอกย้ำความคาดหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 578.77 จุด ลดลง 0.07 จุด หรือ -0.01%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,114.74 จุด ลดลง 7.29 จุด หรือ -0.09%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,028.14 จุด เพิ่มขึ้น 146.11 จุด หรือ +0.61% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,667.01 จุด ลดลง 43.86 จุด หรือ -0.45%
ดัชนี STOXX 600 ลดลงเล็กน้อยหลังจากปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 3 วัน และตลอดทั้งสัปดาห์ดัชนีเพิ่มขึ้น 0.4% ต่อเนื่องจากแรงซื้อในสัปดาห์ก่อนหน้า
ด้านตลาดหุ้นเยอรมนีปรับตัวขึ้น หลังนายกรัฐมนตรีฟรีดริช แมร์ซ์ รอดพ้นวิกฤตของรัฐบาลได้อย่างเฉียดฉิวด้วยการผลักดันร่างกฎหมายบำนาญผ่านสภาด้วยเสียงข้างมาก
ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเฟดใช้เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อหลัก เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือน ก.ย. สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ข้อมูลดังกล่าวช่วยรักษาความคาดหวังว่า เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในสัปดาห์หน้า โดยข้อมูลจากเครื่องมือ FedWatch ของ CME Group ระบุว่า โอกาสในการปรับลดดอกเบี้ยอยู่ที่ 87.2%
นักวิเคราะห์รายหนึ่งระบุว่า ตลาดได้แรงหนุนหลังตัวเลข PCE พื้นฐานของสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาดเล็กน้อย ซึ่งช่วยเสริมมุมมองว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า
ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดและถ้อยแถลงเชิงผ่อนคลายจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายยังคงสนับสนุนความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า
หุ้นกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนเป็นกลุ่มที่โดดเด่นที่สุดของสัปดาห์ โดยเพิ่มขึ้น 5.6% หลังได้แรงหนุนจากข้อเสนอของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ต้องการยกเลิกกฎมาตรฐานประหยัดเชื้อเพลิงที่รัฐบาลไบเดนกำหนดไว้ และในวันศุกร์ หุ้นกลุ่มนี้ยังเพิ่มขึ้นอีก 1.5% นำหน้ากลุ่มอื่น ๆ
ดัชนีหุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวขึ้น 5% ในสัปดาห์นี้ โดยได้แรงหนุนจากยอดขายเดือนพ.ย.ที่แข็งแกร่งของ Inditex เจ้าของแบรนด์ Zara ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญของอุตสาหกรรมแฟชั่นราคาย่อมเยา และสะท้อนภาพรวมช่วงฤดูกาลลดราคาได้เป็นอย่างดี
หุ้นเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น 2.7% ในสัปดาห์นี้ ขณะที่กลุ่มทรัพยากรพื้นฐานพุ่ง 3.2% ตามแรงหนุนจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยราคาทองแดงทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันศุกร์
ซิตี้กรุ๊ปตั้งเป้าดัชนี STOXX 600 ที่ระดับ 640 ในปี พ.ศ. 2569 พร้อมปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มยานยนต์ กลุ่มอุตสาหกรรม เคมีภัณฑ์ และทรัพยากรพื้นฐาน โดยให้เหตุผลจากแรงสนับสนุนด้านนโยบายการคลังในปีดังกล่าว