กทม.ตั้งด่านคัดกรองขาเข้าเมือง 7 จุด สกัดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 5 จุดพรุ่งนี้

รายงานข่าวจากกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ส่งหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ทุกจังหวัด หลังมีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร โดยขอให้จังหวัดถือปฎิบัติตามประกาศ แถลงการณ์ คำสั่ง และข้อกำหนด

โดยให้จัดทำคำสั่งมอบหมายเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหารในพื้นที่ ร่วมกันตั้งด่านตรวจหรือจุดสกัด ดูแลการเดินทางข้ามพื้นที่จังหวัด เพื่อจัดระเบียบการเดินทางการจราจร การเฝ้าระวัง หรือสังเกตผู้เดินทางและพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดต่อโรค ตั้งแต่ เวลา 00.01 น. ของวันที่ 26 มี.ค.63 เป็นต้นไป

สำหรับกรุงเทพมหานคร (กทม.) ร่วมกับ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) ได้ตั้งด่านคัดกรองเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเส้นทางขาเข้า ตั้งแต่เมื่อเวลา 08.00 น.ที่ผ่านมารวม 7 จุด ประกอบด้วย

  1. ถนนบางนา-ตราด
  2. ถนนแจ้งวัฒนะ
  3. ถนนสุวินทวงศ์
  4. ถนนราชพฤกษ์
  5. ถนนสุขาภิบาล 2
  6. ถนนสุขสวัสดิ์
  7. ถนนพระราม 2

ทั้งนี้จะมีการตรวจบัตรประจำตัวประชาชน, ตรวจอุณหภูมิร่างกาย, ตรวจอุปกรณ์ปัองกันและดูแลสุขภาพ เช่น หน้ากากอนามัย

พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้จะมีการปรับเพิ่มจุดตรวจอีกหลายพื้นที่ โดยเส้นทางเข้า-ออก จากเดิม 7 จุด จะเพิ่มจุดตรวจอีก 5 จุด ประกอบด้วย

  1. ถนนเพชรเกษม
  2. ถนนบางนา-ตราด
  3. ด่านบูรพาวิถี
  4. ถนนวิภาวดีรังสิตบริเวณอนุสรณ์สถาน
  5. ดอนเมืองโทลเวย์

สำหรับแนวทางปฏิบัติเมื่อผ่านจุดตรวจ ขั้นแรกเจ้าหน้าที่จะเรียกตรวจยานพาหนะ ตรวจสอบข้อมูลสอบถามเหตุจำเป็นในการเดินทาง บันทึกข้อมูลลงแอพพลิเคชั่นติดตามตัว ตรวจวัดไข้ หากพบความเสี่ยงจะนำตัวเข้าสู่กระบวนการตรวจคัดกรองเข้มต่อไป ดังนั้นขอให้ประชาชนทุกคนพกบัตรประจำตัวประชาชน สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง และไม่รวมตัวเกินกว่าที่กฏหมายกำหนด

พร้อมขอความร่วมมือผู้ที่ไม่มีความจำเป็นให้งดการเดินทางระยะนี้ รวมถึงผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว และเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เพื่อความปลอดภัย แต่ทั้งนี้ย้ำว่าขณะนี้ยังไม่ใช่การห้ามเดินทางแบบเด็ดขาด 100%

โฆษกประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปฏิเสธว่า ตำรวจไม่มีการเรียกค่าปรับ 200 บาท หากไม่สวมหน้ากากอนามัย ตามที่มีกระแสข่าวในโซเชียล โดยยืนยันเป็นข่าวปลอม

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 มี.ค. 63)

Tags: , , , , , , , , , ,
Back to Top