ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในไทยเพิ่ม 143 ราย สะสม 1,388 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) หรือ ศบค. เปิดเผยว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ล่าสุดวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 143 ราย และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นชายไทยอายุ 68 ปี มีประวัติเชื่อมโยงกับสนามมวย ส่งผลให้มียอดสะสมผู้ติดเชื้อรวมอยู่ที่ 1,388 ราย แบ่งเป็น คนไทย 1,172 ราย และอื่น ๆ อีก 216 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยในกรุงเทพฯและปริมณฑล และในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะที่มียอดผู้เสียชีวิตสะสมรวม 7 ราย

สำหรับผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นเพศชาย 61% ส่วนเพศหญิงราว 39% โดยเป็นผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการสูงถึง 81.6% และแสดงอาการ 18.4% ซึ่งเรื่องดังกล่าวนับว่ามีความสำคัญที่จะต้องตรวจหาผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการให้เจอเพื่อไม่ให้เป็นพาหะนำโรคไปติดเชื้อแก่ผู้อื่น เพราะจะทำให้ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันยอดผู้ป่วยสะสมมีทิศทางพุ่งขึ้นตลอด ส่วนหนึ่งมีจุดตั้งต้นจากผู้ป่วยกลุ่มสนามมวย สถานบันเทิง และที่เข้าร่วมพิธีทางศาสนาในประเทศมาเลเซีย และล่าสุดที่มีการปิดหลายสถานที่ในพื้นที่กรุงเทพฯทำให้มีประชาชนบางส่วนทยอยกลับภูมิลำเนาในต่างจังหวัด ทำให้พบยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นและกระจายอยู่ในจังหวัดต่าง ๆ เพิ่มขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตามคาดว่าภายหลังจากที่มีการประกาศใช้พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีผลวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น คาดว่าน่าจะเห็นผลของตัวเลขสถานการณ์การติดเชื้อในช่วง 5-7 วันข้างหน้าว่าเป็นอย่างไร

“มาตรการต่าง ๆ เหล่านี้ที่ข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ เราใช้ตัวเลขสถานการณ์เป็นตัวกำหนดมาตรการต่าง ๆ เชื่อว่าถ้าการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วทุกคนให้ความร่วมมือจะส่งผลหลังประกาศแล้ว 7 วัน เราต้องร่วมมืออย่างเต็มที่ ตอนนี้ยังไม่ถึง 7 วัน ตัวเลขติดเชื้อยังเป็นตัวเลขเก่าก่อนการประกาศพ.ร.ก. ฉุกเฉิน ถ้าเราทุกคนช่วยกันต้องทำให้กราฟสีแดง (ยอดผู้ติดเชื้อใหม่) กดหัวลงมาให้ได้ และจะทำให้กราฟสะสมสีฟ้า (ผู้ติดเชื้อสะสม) ลดลงมาด้วย จะพึ่งฝ่ายรัฐด้านเดียวไม่เพียงพอ ต้องพึ่งพวกเราทุกคน โดยเฉพาะในกลุ่มอายุ 20-59 ปีซึ่งเป็นวัยทำงาน ที่ 80% ของกลุ่มนี้จะแสดงอาการน้อยมากถึงไม่มีเลย การเดินไปเดินมาทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นไปทุกวัน”นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า จำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นทำให้ขณะนี้เริ่มมองทางเลือกที่จะมีการปรับเปลี่ยนโรงพยาบาลที่ไม่ได้รับการรักษาโดยตรงกับผู้ติดเชื้อ เช่น โรงพยาบาลของกรมสุขภาพจิต กรมอนามัย มาปรับใช้ให้ผู้ป่วยที่ไม่มีอาการมากนัก มาสู่การรักษาในโรงพยาบาลเพื่อไม่ให้ออกไปเดินข้างนอก และไม่ให้เกิดความเสี่ยงในการติดเชื้อเพิ่ม ซึ่งหากจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นก็อาจจะต้องพิจารณาทางเลือกนำโรงแรมบางแห่งมาใช้เพิ่มเติมด้วย

นอกจากนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังได้ให้เน้นย้ำให้ทุกฝ่ายใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมมากขึ้น และบางพื้นที่ต้องมีมาตรการที่เฉพาะเจาะจงไปถึงหน่วยงานต่าง ๆ และให้กระทรวงมหาดไทยรายงานตรงต่อนายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนี้มีการปรับใช้มาตรการเข้มตามสถานการณ์ โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส

โดยได้มีประกาศเพิ่มเติมของการห้ามเดินทางเข้าออกพื้นที่ ดังนี้

  1. ห้ามเดินทางเข้าออก ห้ามข้ามเขต พื้นที่ทั้งจังหวัด
  2. ห้ามเดินทางเข้าออกในพื้นที่บางหมู่บ้าน บางชุมชนที่มีการแพร่ระบาดสูง ยกเว้นกรณีให้เข้าออกได้ คือ กรณีที่ต้องการการรักษาพยาบาล และการขนส่งสินค้าที่จำเป็น สินค้าอุปโภคบริโภค
    ทั้งนี้ ใครฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

สำหรับการหารือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับนายกรัฐมนตรีเมื่อช่วงเช้านี้ นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญเรื่องตัวเลข ข้อมูล โดยให้กระทรวงสาธารณสุขรายงานเป็นไทม์ไลน์ เพื่อจะได้นำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อออกมาตรการแก้ปัญหา และให้แต่ละจังหวัดรวบรวมรายงานและข้อกำหนดที่จังหวัดออกมา เพื่อจะนำมาสื่อสารให้ประชาชนปฏิบัติตาม รวมถึงกำชับเรื่องการหาหน้ากากอนามัยและอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้ประชาชนมีใช้อย่างเพียงพอ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 มี.ค. 63)

Tags: , , , , , ,
Back to Top