ไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 33 ราย สะสม 2,733 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต

  • ศบค.สรุปยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในไทย วันที่ 18 เม.ย. (11.30 น.)
  • ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ยอดสะสม 2,733 คน (+33)
  • รักษาหายแล้ว 1,787 คน (+98)
  • ยังรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล 899 คน
  • เสียชีวิต 47 คน (+0)

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 33 คน ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยสะสมรวมทั้งสิ้น 2,733 คน จำนวนผู้ป่วยที่กลับบ้านได้แล้วรวมทั้งสิ้น 1,787 คน วันนี้กลับบ้านเพิ่ม 98 ราย ยังรักษาตัวอยู่ใน รพ. 899 ราย วันนี้ไม่มีผู้เสียชีวิต ทำให้คงที่อยู่ที่ 47 ราย

สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 33 รายวันนี้ มาจากกลุ่มผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้า หรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 11 ราย โดยพบในกทม.ทั้งหมด, คนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศ 2 ราย, สัมผัสผู้เดินทางจากต่างประเทศ 1 ราย, ไปสถานที่ชุมนุม เช่น ห้างสรรพสิค้า ตลาดนัด สถานที่ท่องเที่ยว 2 ราย, ผู้มีอาชีพเสี่ยง ทำงานสถานที่แออัด หรือทำงานใกล้ชิดสัมผัสชาวต่างชาติ 4 ราย, บุคลากรทางการแพทย์ 1 ราย รอการสอบสวน 10 ราย และอยู่ในพื้นที่กักกันโรค 2 ราย

สำหรับในช่วงสงกรานต์ที่จะมีการรายงาน 7 วันอันตรายทุกปีนั้น ในปีนี้เป็นปีที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ทำให้คนที่บาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติทางถนนลดลง เมื่อเทียบกับในปี 61-62 ที่ผ่านค่อนข้างมาก โดยลดลงจากหลัก 2-3 หมื่น เหลือเพียง 9,673 ราย ด้านจำนวนผู้เสียชีวิตก็ลดลงมากเช่นเดียวกัน โดยปีนี้สามารถรักษาชิวิตช่วงสงกรานต์ได้กว่า 300 กว่าคน

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงกรณีเมื่อวานนี้ที่มีกลุ่มคนไปรอรับการบริจาคเป็นจำนวนมากนั้นว่า เป็นภาพที่ดีที่คนไทยช่วยกัน แต่ผู้บริจาคต้องมีระบบที่ดีด้วย อย่างไรก็ตามขณะนี้ทุกคนถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงแล้ว ต้องเฝ้าระวังตัวเองให้ดีเป็นระยะเวลา 14 วัน และต้องใส่หน้ากากตลอดเวลา เพื่อไม่ให้เป็น  Super Spreader หากมีอาการป่วย ไข้ ไอ ให้รีบมาหาแพทย์ พร้อมย้ำว่าพื้นที่แออัดยังเป็นสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูง

สำหรับสถานการณ์โลกวันนี้ สหรัฐฯ ยังอัตราการเสียชีวิตสูงเป็นอันดับ 1 ที่ 2,541 รายในวันเดียว รองลงมาเป็นจีน 1,290 ราย และ อังกฤษ 847 ราย ซึ่งมาตรการที่จะผ่อนคลายนั้นจะต้องสถานการณ์โลกด้วย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 เม.ย. 63)

Tags: , , ,
Back to Top