ดาวโจนส์ปิดบวก 26.07 จุด รับแรงซื้อหุ้นเทคโนฯ-พลังงาน

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มพลังงานที่นักลงทุนส่งเข้ามาในช่วงท้ายของการซื้อขาย ซึ่งได้ช่วยสกัดปัจจัยลบจากความตึงเครียดด้านการค้าครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐและจีน

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,749.76 จุด เพิ่มขึ้น 26.07 จุด หรือ +0.11%
  • ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,842.74 จุด เพิ่มขึ้น 12.03 จุด หรือ +0.42%
  • ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,710.71 จุด เพิ่มขึ้น 105.77 จุด หรือ +1.23%

ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดด้านการค้าครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ว่าจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่ เพื่อตอบโต้จีนที่เป็นต้นตอการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐและทั่วโลก

อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นปิดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มพลังงานที่ส่งเข้าหนุนในช่วงท้ายของการซื้อขาย โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นขานรับรายงานผลประกอบการของบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่ง ซึ่งรวมถึงไมโครซอฟท์ และอัลฟาเบท ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 20 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้

ทั้งนี้ หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 2.45% หุ้นเฟซบุ๊ก เพิ่มขึ้น 1.48% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 3.1% หุ้นอัลฟาเบท บวก 0.42% หุ้นอเมซอนดอทคอม เพิ่มขึ้น 1.3% หุ้นอินเทล บวก 0.9% หุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 1.41% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (เอเอ็มดี) ทะยานขึ้น 5.37% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ปรับตัวขึ้น 1.05%

หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 3.96% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 2.21% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดีดขึ้น 2.77% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 4.08% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ปรับตัวขึ้น 1.84%

อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มสายการบินดิ่งลง หลังจากบริษัทเบิร์คเชียร์ แฮทธาเวย์ของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้เทขายหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่ในสายการบินยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ โดยหุ้นเดลต้า แอร์ไลน ดิ่งลง 6.4% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ร่วงลง 7.7% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ร่วงลง 5.1% หุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ ดิ่งลง 5.7%

ขณะที่หุ้นเบิร์คเชียร์ แฮทธาเวย์ ร่วงลง 2.38% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนสูงเกือบ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก

หุ้นไทสัน ฟู้ดส์ ร่วงลง 7.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาสแรก เนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐลดลง 10.3% ในเดือนมี.ค. จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งปรับตัวลดลงในอัตราที่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 9.7% หลังจากหดตัวลง 0.1% ในเดือนก.พ.

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดุลการค้าเดือนมี.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนเม.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนเม.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนเม.ย.จาก ADP, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนเม.ย. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมี.ค.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 พ.ค. 63)

Tags: , , , ,
Back to Top