คกก.โรคติดต่อฯ ยังไม่เคาะปลดจีน-เกาหลีใต้ ออกจากเขตโรคติดต่ออันตราย

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวถึงการเสนอถอนรายชื่อประเทศจีน และเกาหลีใต้ออกจากบัญชีรายชื่อประเทศที่มีเขตโรคติดต่ออันตรายว่า เป็นข้อเสนอของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ต่อที่ประชุม ศบค. แต่ยังมีขั้นตอนการพิจารณาอีกหลายขั้นตอนจนกว่าจะให้คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติเป็นผู้ตัดสิน

และยังไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดผลกระทบ เพราะขณะนี้ยังมีมาตรการจำกัดเที่ยวบิน การทำเอกสารรับรองทางการแพทย์ (fit to fly) และการกักตัวอีก 14 วัน ซึ่งคงเป็นเรื่องที่นักท่องเที่ยวต้องคิดหนักหากจะเดินทางเข้ามาในช่วงนี้ แต่ในระยะยาวคงต้องกลับสู่ภาวะปกติที่ภาครัฐจะดูแลนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นอย่างดีเช่นเดียวกับคนไทย

นพ.อนุพงศ์ สุจริยากุล ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติมว่า จากที่ประเทศไทยใช้พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 ชุดแรกมี 4 ประเทศนอกราชอาณาจักไทย ที่ถูกประกาศเป็นเขตติดโรค ไม่ว่าจีน เกาหลีใต้ อิหร่าน อิตาลี เป็นช่วงที่มีผู้ป่วยจำนวนมาก เมื่อการประชุมก่อนหน้านี้ 2 สัปดาห์ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติได้มีการประกาศเพิ่มอีก 5 ประเทศ รอบบ้านเราในอาเซียน เมียนมา ลาว กัมพูชา มาเลเซีย อินโดนีเซีย

ขณะที่ที่ประชุมวันนี้มีคำถามว่าถึงเวลาที่จะปลดรายชื่อ 4 ประเทศในชุดแรกหรือยัง เพราะเห็นว่า จีน เกาหลีใต้ เริ่มควบคุมได้แล้ว แต่อิตาลี อิหร่าน ยังไม่แน่ใจ เพราะฉะนั้นคณะกรรมการโรคติดต่อฯ จึงยังไม่ปลดรายชื่อทั้ง 4 ประเทศออกจากเขตติดโรค คงต้องรอดูสถานการณ์อีกระยะ เพราะยังไม่แน่ใจว่ากรณีของอิตาลี เมื่อคลายล็อกแล้วจะกลับมาระบาดรอบ 2 หรือไม่ จึงขอให้ใจเย็นๆ ติดตามสถานการณ์ให้มั่นใจเสียก่อน เพราะอย่างไรก็ตามในระยะ 1 เดือนนี้สำนักงานการบินพลเรือนยังยืนยันว่าจะปิดน่านฟ้าไปก่อนจึงยังไม่มีเที่ยวบินระหว่างประเทศเข้ามา

นอกจากนั้น ขณะนี้ทางการอยู่ระหว่างวางแผนคลายล็อกกิจการกลุ่มสีเขียว หลังจากคลายล็อกกลุ่มสีขาวไปแล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีระบุว่าหาก 14 วันประเมินแล้วสถานการณ์ผู้ป่วยรายใหม่ไม่ได้เพิ่มขึ้นจนน่ากลัว ประชาชนให้ความร่วมมือทำตามมาตรการคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข เมื่อนั้นกิจการที่ตามมาคือ กลุ่มสีเขียวจะได้รับการพิจารณาให้เปิดได้

ดังนั้น ขณะนี้การสกัดกั้นเชื้อจากต่างประเทศเราทำได้ดีมาก ตรวจพบผู้ติดเชื้อใน State Quarantines หรือ Local Quarantines ศูนย์กักกันเป็นเรื่องที่ดี อีกทั้งเมื่อถูกจำกัดบริเวณก็ไม่สามารถไปแพร่เชื้อในชุมชนได้ เหลือแต่ว่าทำอย่างไรไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อในระดับชุมชน คือ ต้องอยู่บ้าน ใส่หน้ากาก ล้างมือบ่อย เว้นระยะห่าง กำชับตรงนี้ให้ทุกคนช่วยกันปฎิบัติ ส่วนการแย่งกันซื้อสินค้า ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นเรื่องที่ไม่ดี

ทั้งนี้จากผลสำรวจของกรมควบคุมโรคในครั้งที่ 8 ภายหลังมีมาตรการผ่อนปรนระยะแรก ปรากฎว่า การล้างมือ ยังรักษาระดับไว้อยู่ที่ 92% ถือเป็นเรื่องที่ดีมาก แต่การใส่หน้ากากอนามัยลดลงเหลือ 75% จากที่เคยทำได้สูงถึง 94% ขณะที่การเว้นระยะห่างเคยขึ้นไปถึงกว่า 80% แต่วันนี้ลงมาอยู่ที่ 78%

“ตัวเลขเหล่านี้เป็นตัวเลขที่สำคัญมาก โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เราอยู่ในระยะผ่อนปรน ในกิจกรรมที่เป็นสีขาว ซึ่งมี 6 ประเภทกิจการ และอาจมีบางประเภทที่เราไม่ให้เปิด แต่ทั้งนี้การกลับมาเปิดใหม่หลังปิดชั่วคราว 1 เดือน ต้องอาศัยความร่วมมือทั้งจากเจ้าของกิจการ ผู้รับบริการจะต้องช่วยกัน ทุกวันนี้เห็นรถวิ่งบนถนนมากขึ้น ขณะเดียวกันมีคนใช้ขนส่งมวลชนมากขึ้น สิ่งที่เราแนะนำให้อยู่บ้าน หยุดเชื้อเพื่อชาติ Work from Home กำลังจะลดลง ดังนั้นต้องขอความร่วมมือจากองค์กรใหญ่ หน่วยงานราชการ สนับสนุนให้ WFH และสิ่งสำคัญคือ ประชาชนต้องสวมหน้ากากอนามัย หรือออกจากบ้านเมื่อจำเป็น ล้างมือบ่อยๆ ไม่ไปอยู่ในพื้นที่แออัด เว้นระยะห่างถึงจะปลอดภัย”นพ.อนุพงศ์ กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 พ.ค. 63)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top