สธ.จ่อขยายผลสอบสวนโรค หลังพบผู้ป่วยรายใหม่จากภูเก็ตแต่ไม่แสดงอาการ

นพ.อนุพงศ์ สุจริยากล ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 วันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพียง 1 ราย ซึ่งเป็นการทำงานของอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ในจังหวัดเชียงใหม่ที่ดำเนินการคัดกรองผู้ป่วยเชิงรุก

หลังรับทราบข้อมูลว่าผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ดังกล่าวเพิ่งเดินทางกลับมาจากจังหวัดภูเก็ตแต่ไม่แสดงอาการ ซึ่งจะมีผลผูกพันต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดในจังหวัดภูเก็ต เพราะจะต้องมีการสอบสวนโรคว่าก่อนที่จะออกมาจากจังหวัดภูเก็ตมีผู้สัมผัสเกี่ยวข้องใกล้ชิดอีกหรือไม่ เพื่อตัดวงจรการแพร่เชื้อ

ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องดำเนินการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก (Active Case Finding) ในพื้นที่ที่มีการระบาดต่อเนื่อง ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต, ชลบุรี, ยะลา และกรุงเทพฯ เพราะอาจมีผู้ที่ติดเชื้อแล้วไม่แสดงอาการ หรือแสดงอาการน้อย ทำให้ไม่ต้องเข้ามารับการรักษา ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้จะกลายเป็นรังโรคที่แพร่ไปยังคนอื่นในพื้นที่ได้

นอกจากนี้ การลงพื้นที่เคาะประตูบ้าน ของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เพื่อเฝ้าระวังสังเกตอาการผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงนั้นทำให้ค้นพบผู้ติดเชื้อและนำเข้าสู่ระบบการรักษาได้อย่างทันท่วงที ป้องกันการแพร่เชื้อเป็นวงกว้างในชุมชน ขณะเดียวกันก็มีการเฝ้าระวังค้นหากลุ่มเสี่ยง ได้แก่ แรงงานข้ามชาติ ผู้ต้องหาในเรือนจำ ผู้ให้บริการรถสาธารณะ ผู้ให้บริการรับส่งอาหาร เพราะเคยเกิดปัญหาการแพร่ระบาดมาแล้วในประเทศสิงคโปร์

“ช่วงที่เรามีผู้ติดเชื้อลดลงแต่มาตรการเราไม่ได้ลดหย่อน ยังต้องทำอย่างอย่างเข้มข้นเพื่อให้มั่นใจว่าระหว่างที่เราผ่อนคลายจะมีเกิดปัญหามีผู้ป่วยเป็นกลุ่มก้อนเกิดขึ้นอีก”

นพ.อนุพงศ์ กล่าว

นพ.อนุพงศ์ กล่าวว่า ขอให้ประชาชนปรับเปลี่ยนมาใช้ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) โดยดูแลเรื่องสุขอนามัยให้คุ้นเคยเป็นปกตินิสัย เช่น การใส่หน้ากากอนามัยไปเดินในตลาด การทำธุรกรรมทางการเงินทางอิเลคทรอนิกส์ เพื่อป้องกันแพร่ระบาดของโรค

สำหรับแนวปฏิบัติของประชาชนขณะออกกำลังกายในสวนสาธารณะนั้น หากเป็นการเดินออกกำลังก็สามารถใส่หน้ากากอนามัยได้ แต่หากเป็นการวิ่งอาจส่งผลกระทบต่อระบบหายใจได้ ซึ่งเรื่องนี้ควรมีการจัดเรื่องโซนนิ่งและจำนวนผู้ออกกำลังกายให้สามารถเดินและวิ่งออกกำลังไปได้พร้อมกัน

ด้าน นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข เตรียมเปิดบริการทันตกรรมในโรงพยาบาลเพิ่มจากกรณีฉุกเฉิน ในกลุ่มมีนัดรักษาต่อเนื่อง ปรับแก้ไขอุปกรณ์ในช่องปาก ผู้ป่วยที่ต้องรักษาร่วมระหว่างแพทย์และทันตแพทย์ เช่น ผู้ป่วยโรคหัวใจ ผู้ป่วยมะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอ ส่วนกรณีขูดหินปูน อุดช่องว่างฟันนั้นคงต้องรออีกสักระยะ

ทั้งนี้ โรงพยาบาลได้ปรับรูปแบบการให้บริการ มีระบบนัดหมายล่วงหน้า ระบบปรึกษาทันตแพทย์ทางไกล เพื่อให้คำปรึกษาก่อนรับบริการ และพิจารณานัดผู้ป่วยตามความจำเป็นของแต่ละหัตถการ รวมทั้งจัดแยกสถานที่บริการ จัดบริการแบบเว้นระยะห่าง การจัดการระบบระบายอากาศ จัดคิวการรักษาเป็นช่วงเวลา ทำความสะอาดพื้นผิวที่มีการสัมผัส ใส่หน้ากากอนามัย การทำความสะอาดมือ เป็นต้น โดยสถานพยาบาลไม่ว่าจะเป็นของภาครัฐหรือเอกชนจะใช้เกณฑ์เดียวกัน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยทั้งหมอและคนไข้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 พ.ค. 63)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top