ดาวโจนส์ปิดบวก 369.04 จุด รับผลประกอบการสดใส-คาดเฟดกระตุ้นศก.เพิ่ม

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (20 พ.ค.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน และจากการคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นหลังการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคาดหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังจากรายงานการประชุมเฟดประจำเดือนเม.ย.บ่งชี้ว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,575.90 จุด เพิ่มขึ้น 369.04 จุด หรือ +1.52%
  • ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,971.61 จุด เพิ่มขึ้น 48.67 จุด หรือ +1.67%
  • ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,375.78 จุด เพิ่มขึ้น 190.67 จุด หรือ +2.08%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน โดยทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยกำไรในไตรมาสแรกที่ระดับ 59 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 40 เซนต์/หุ้น ขณะที่โลว์ส ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยกำไรในไตรมาสแรกที่ระดับ 1.77 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.32 ดอลลาร์/หุ้น

ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่เหล่านี้ ช่วยให้นักลงทุนมีความหวังว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจและภาคธุรกิจของสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นหลังมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ โดยรายงานระบุว่า ขณะนี้รัฐต่างๆในสหรัฐเริ่มคลายมาตรการล็อกดาวน์และเตรียมเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง ก่อนที่จะถึงวันหยุด Memorial Day ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากความหวังที่ว่า เฟดจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังจากรายงานการประชุมเฟดซึ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ 28-29 เม.ย.ระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่กังวลว่าผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐเผชิญกับความเสี่ยง และความไม่แน่นอนอย่างมากในระยะกลางนี้

รายงานการประชุมของเฟดระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในไตรมาส 2 อาจจะทรุดตัวลงในอัตราที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคครัวเรือนที่ประสบปัญหาด้านการเงินมากที่สุด นอกจากนี้ กรรมการเฟดยังแสดงความกังวลว่า การเลิกจ้างพนักงานแบบชั่วคราวอาจจะกลายเป็นการถาวร โดยพนักงานที่ถูกเลิกจ้างอาจจะสูญเสียทักษะพิเศษในการทำงาน และต้องออกจากตลาดแรงงานในที่สุด

หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหุ้นโดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 3.27% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ทะยานขึ้น 7.17% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 3.79% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 4.17%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น นำโดยหุ้นเฟซบุ๊ก ทะยานขึ้น 6.04% หุ้นอเมซอนดอทคอม พุ่งขึ้น 1.98% หุ้นแอปเปิล บวก 1.94% หุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 2.53% หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 1.39%

หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ปรับตัวลง 0.9% หลังจากบริษัทประกาศยุติการขายแป้งเด็กในสหรัฐและแคนาดา เนื่องจากยอดขายลดลงอย่างมาก ท่ามกลางคดีฟ้องร้องหลายหมื่นคดีที่กล่าวหาว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวของบริษัทมีสารก่อมะเร็ง

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนพ.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนพ.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนพ.ค.จากมาร์กิต, ยอดขายบ้านมือสองเดือนเม.ย. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนเม.ย.จาก Conference Board

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 พ.ค. 63)

Tags: , , , ,
Back to Top