RATCH ลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนาม มูลค่า 45 ล้านเหรียญฯ

มีแผนผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) ก.ย. 64

บมจ.ราช กรุ๊ป (RATCH) แจ้งว่ากลุ่มบริษัทได้เข้าลงทุน 51% ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม Thanh Phong ขนาด 29.7 เมกะวัตต์ (MW) ในเวียดนาม มูลค่าโครงการ 45 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) ในเดือนก.ย.64

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 22 พ.ค. บริษัท อาร์เอช อินเตอร์เนชั่นแนล (สิงคโปร์) คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทางอ้อม ได้ลงนามสัญญาซื้อขายหุ้นบริษัท RATCH & AIDC Wind Energy Pte. Ltd. (บริษัทในสาธารณรัฐสิงคโปร์) ในสัดส่วน 63.8% กับ Asia Investment , Development and Construction Sole Co., Ltd. ผู้ถือหุ้นเดิม (บริษัทในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว)

โดยภายหลังการเข้าซื้อหุ้นดังกล่าวแล้วเสร็จ จะทำให้บริษัทมีสัดส่วนการถือหุ้นทางอ้อมในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม Thanh Phong ในสัดส่วน 51% ตามเงื่อนไขบังคับก่อนของสัญญาซื้อขายหุ้นและการอนุมัติจากหน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง

สำหรับโครงการ Thanh Phong เป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมติดตั้งบนบก (On Shore Wind Farm) ขนาดกำลังการผลิต 29.7 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในจังหวัด Ben Tre ทางตอนใต้ของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม แลอยู่ทางทิศใต้ของเมืองโฮจิมินห์ ระยะห่างประมาณ 160 กิโลเมตร โครงการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว 20 ปี กับการไฟฟ้าเวียดนาม โครงการมีเงินลงทุนโครงการทั้งหมดประมาณ 45 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมเพื่อดำเนินงานก่อสร้าง มีแผนเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในเดือน ก.ย.64

ทั้งนี้ การลงทุนดังกล่าวสอดคล้องกับแผนการลงทุนของกลุ่มบริษัท และเป็นการสร้างพันธมิตรรายใหม่ที่จะมีโอกาสในการร่วมทุนในธุรกิจไฟฟ้าและธุรกิจเกี่ยวเนื่องต่อไปในอนาคต

นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ของ RATCH กล่าวว่า โครงการนี้ถือเป็นการปักธงธุรกิจของบริษัทในเวียดนามเป็นครั้งแรก และยังเป็นการต่อยอดความร่วมมือกับ AIDC ซึ่งเป็นพันธมิตรเดิมของบริษัทในสปป.ลาว โดยมีการลงทุนโครงการพลังงานทดแทนในเวียดนามหลายแห่ง โครงการนี้มีกำหนดจะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในเดือนก.ย.64 โดยคาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้าง 12 เดือน

“ตามแผนกลยุทธ์ของบริษัท เวียดนามเป็นเป้าหมายการลงทุนที่มีศักยภาพ เพราะการพัฒนาเศรษฐกิจยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้หลายประเทศในเอเชียจะได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 แต่เวียดนามยังสามารถรักษาการเติบโตไว้ได้เพราะสามารถจำกัดการแพร่ระบาดภายในประเทศไว้ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้รัฐบาลเวียดนามยังมีนโยบายส่งเสริมพลังงานทดแทนที่ชัดเจน รวมถึงสนับสนุนการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศในรูปแบบ Public-Private Partnership ซึ่งเป็นโอกาสของบริษัทที่จะขยายการลงทุนในเวียดนาม โดยเฉพาะโครงการโรงไฟฟ้า ซึ่งเป็นสาธารณูปโภคพื้นฐานที่จำเป็นต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมและคุณภาพชีวิตประชาชน บริษัทมุ่งมั่นที่จะลงทุนระยะยาวในเวียดนามและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมสร้างความมั่นคงระบบไฟฟ้าของเวียดนาม”

นายกิจจา กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 พ.ค. 63)

Tags: , , , , ,
Back to Top