ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 529.95 จุด ขานรับวัคซีนต้านโควิดคืบหน้า,คลายล็อกดาวน์

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 500 จุดเมื่อคืนนี้ (26 พ.ค.) ขานรับความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 รวมทั้งสัญญาณที่บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก หลังจากรัฐบาลของประเทศต่างๆเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เพื่อเปิดทางให้ภาคธุรกิจเริ่มกลับมาดำเนินการได้อีกครั้ง โดยปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,995.11 จุด พุ่งขึ้น 529.95 จุด หรือ +2.17%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,991.77 จุด เพิ่มขึ้น 36.32 จุด หรือ +1.23%
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,340.22 จุด เพิ่มขึ้น 15.63 จุด หรือ +0.17%

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก โดยดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นทดสอบระดับ 25,000 จุดในระหว่างวัน หลังจากโนวาแวกซ์ (Novavax) ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาวัคซีนรายใหญ่ของสหรัฐ แถลงว่า ทางบริษัทได้เริ่มทำการทดลองทางคลินิกเฟสแรกในการใช้วัคซีน NVX-CoV2373 เพื่อต้านไวรัสโควิด-19 โดยคาดว่าจะสามารถทราบผลเบื้องต้นเกี่ยวกับความปลอดภัย และความสามารถในการกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน (immunogenicity) จากการทดลองดังกล่าวในเดือนก.ค.นี้

ทางด้าน Merck ซึ่งเป็นบริษัทยาของสหรัฐ แถลงว่า ทางบริษัทจะร่วมมือกับ IAVI ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ที่ไม่แสวงหาผลกำไร ในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 โดยจะใช้เทคโนโลยี rVSV ซึ่งเป็นพื้นฐานสำหรับการผลิตวัคซีนด้านไวรัส Ebola Zaire

ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนราคาหุ้นโนวาแวกซ์ ทะยานขึ้น 4.47% หุ้น Merck พุ่งขึ้น 1.14%

นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากความหวังที่ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกจะฟื้นตัวขึ้น หลังจากหลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ โดยล่าสุดรัฐบาลอังกฤษจะอนุญาตให้มีการเปิดห้างสรรพสินค้าและธุรกิจบางส่วนในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ ตามมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์เฟสที่สอง ขณะที่หนังสือพิมพ์ Bild ของเยอรมนีรายงานว่า รัฐบาลเยอรมนีมีแผนที่จะผ่อนคลายมาตรการเว้นระยะทางสังคมให้เร็วขึ้น 1 สัปดาห์ จากเดิมที่จะมีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 5 ก.ค. มาเป็นวันที่ 29 มิ.ย. และตั้งเป้าจะยกเลิกคำเตือนการเดินทางไปยัง 31 ประเทศในยุโรปในช่วงกลางเดือนมิ.ย.นี้

หุ้นกลุ่มสายการบินพุ่งขึ้นขานรับความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ทะยานขึ้น 14.85% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 16.30% หุ้นเจ็ทบลู แอร์เวย์ส พุ่งขึ้น 14.34% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 13.05% หุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ส พุ่งขึ้น 12.6%

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมพุ่งขึ้นจากปัจจัยดังกล่าวเช่นกัน โดยหุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 5.2% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ พุ่งขึ้น 4.39% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก ทะยานขึ้น 6.08% หุ้น 3M พุ่งขึ้น 3.7% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก พุ่งขึ้น 6.09% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ พุ่ง 7.4%

หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 7.15% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ทะยานขึ้น 9.23% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 8.96% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 8.9% หุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก ทะยานขึ้น 8.65% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส พุ่งขึ้น 7.06%

หุ้น Hertz Global Holdings Inc บริษัทให้เช่ารถยนต์ของสหรัฐ ทรุดตัวลงกว่า 80% หลังจากบริษัทยื่นขอล้มละลาย ภายหลังจากธุรกิจให้เช่ารถยนต์ของบริษัทได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการเจรจากับเจ้าหนี้ก็ไม่ประสบความสำเร็จในการปรับโครงสร้างหนี้

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดและมีผลต่อภาวะการซื้อขายเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้นเกือบ 1% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่ายอดขายจะดิ่งลง 22%

ขณะที่ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวสู่ระดับ 86.6 ในเดือนพ.ค. จากระดับ 85.7 ในเดือนเม.ย. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 82.3 นอกจากนี้ ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 4.4% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว หลังจากที่เพิ่มขึ้น 4.2% ในเดือนก.พ.

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2563 (ประมาณการครั้งที่ 2), ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนเม.ย., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนเม.ย., ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 พ.ค. 63)

Tags: , , , ,
Back to Top