นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ในเดือน เม.ย.63 มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศ จำนวน 3,996 ราย ลดลง 1,948 ราย จากเม.ย. 62 (-33%) และลดลง 2,070 ราย จากมี.ค.63 (-34%) โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 9,012 ล้านบาท ลดลงจากเม.ย.62 และ มี.ค.63 เช่นเดียวกัน
ธุรกิจจัดตั้งใหม่แบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศมากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท มีจำนวน 2,944 ราย คิดเป็น 73.67% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 980 ราย คิดเป็น 24.53% ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท มีจำนวน 64 ราย คิดเป็น 1.60% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 8 ราย คิดเป็น 0.20% ตามลำดับ
สำหรับประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 471 ราย คิดเป็น 12% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 169 ราย คิดเป็น 4% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจให้คำปรึกษาด้านการจัดการ จำนวน 127 ราย คิดเป็น3% ตามลำดับ
ขณะที่จำนวนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ เม.ย. 63 มีจำนวน 817 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 3,785 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเลิกกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจเลิกประกอบกิจการทั่วประเทศ มากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 567 ราย คิดเป็น 69.40% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1- 5 ล้านบาท จำนวน 209 ราย คิดเป็น 25.58% ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 35 ราย คิดเป็น 4.29% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวน 6 ราย คิดเป็น 0.73% ตามลำดับ
โดยประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 79 ราย คิดเป็น 10% รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 45 ราย คิดเป็น 6% และธุรกิจภัตตาคาร/ ร้านอาหาร จำนวน 37 ราย คิดเป็น 5% ตามลำดับ
นายวุฒิไกร กล่าวว่า ธุรกิจที่ยังคงดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศในเดือนเม.ย.63 จำนวน 765,345 ราย มูลค่าทุน 18.63 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 187,774 ราย คิดเป็น 24.53% บริษัทจำกัด จำนวน 576,306 ราย คิดเป็น 75.30% และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,265 ราย คิดเป็น 0.17% ตามลำดับ
โดยแบ่งตามช่วงทุน ธุรกิจส่วนใหญ่มีช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 452,417 ราย คิดเป็น 59.11% รวมมูลค่าทุน 0.40 ล้านล้านบาท คิดเป็น 2.15% รองลงมา คือ ช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 225,422 ราย คิดเป็น 29.46% รวมมูลค่าทุน 0.74 ล้านล้านบาท คิดเป็น 3.97% ช่วงถัดไปคือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 71,802 ราย คิดเป็น 9.38% รวมมูลค่าทุน 1.95 ล้านล้านบาท คิดเป็น 10.47% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 15,704 ราย คิดเป็น 2.05% รวมมูลค่าทุน 15.54 ล้านล้านบาท คิดเป็น 83.41 ตามลำดับ
นอกจากนี้ ในเดือนเม.ย. 63 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น 55 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ 26 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ 29 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 6,252 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น จำนวน 17 ราย เงินลงทุน 2,456 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ ฮ่องกง จำนวน 8 ราย เงินลงทุน 1,648 ล้านบาท และสิงคโปร์ 11 ราย เงินลงทุน 1,138 ล้านบาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 พ.ค. 63)
Tags: กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, กระทรวงพาณิชย์, ทุนจดทะเบียน, ประกอบกิจการ, ผู้ประกอบการ, วุฒิไกร ลีวีระพันธุ์