‘ศรีตรังโกลฟส์’ เคาะขาย IPO ที่ 34 บาท จากช่วง 32-34 บาท เปิดจอง 23-25 มิ.ย.

บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย ) หรือ STGT กำหนดราคาขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนครั้งแรก (IPO) ที่หุ้นละ 34 บาท จากช่วงราคาเบื้องต้น 32-34 บาท /หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยจะเสนอขายจำนวนไม่เกิน 432,780,000 หุ้นให้แก่บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ผู้ลงทุนสถาบัน และผู้มีอุปการคุณของบริษัทและบริษัทย่อยของบริษัทฯ วันที่ 23-25 มิ.ย.63 และผู้จองซื้อรายย่อยวันที่ 23-24 มิ.ย.63

พร้อมกันนั้น บริษัทจะจัดสรรหุ้นไม่เกิน 2,000,000 หุ้นให้กับสำหรับกรรมการ ผู้บริหาร และ/หรือพนักงานของ บมจ.ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) และบริษัทย่อยของ STA (ซึ่งไม่รวมบริษัทฯ และบริษัทย่อยของบริษัทฯ) ที่ราคาหุ้นละ 30.60 บาท ในวันที่ 23-24 มิ.ย.63 และจำนวนไม่เกิน 4,000,000 หุ้นให้กับพนักงานของบริษัทฯ และ/หรือพนักงานของบริษัทย่อยของบริษัทฯ และบุคคลที่มีความสัมพันธ์ของบริษัทฯ ซึ่งเป็นกรรมการ และ/หรือผู้บริหารของบริษัทฯ ตามโครงการ STGT ESOP ครั้งแรกที่ราคาหุ้นละ 30.60 บาท วันที่ 23-24 มิ.ย.63

สำหรับที่มาของการกำหนดราคาเสนอขายและข้อมูลทางการเงินเพื่อประกอบการประเมินราคาหุ้นที่เสนอขาย การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญโดยบริษัทฯ ในครั้งนี้จะกระทำผ่านการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (Bookbuilding) ซึ่งเป็นวิธีการสำรวจปริมาณความต้องการซื้อหุ้นสามัญของนักลงทุนสถาบันในแต่ละระดับราคา โดยการตั้งช่วงราคา (Price Range) และเปิดโอกาสให้นักลงทุนสถาบันแจ้งราคาและจำนวนหุ้นที่ประสงค์จะจองซื้อมายังผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายและผู้ร่วมจัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนโดยบริษัทฯ ในครั้งนี้ได้มีการกำหนดราคาหุ้นสามัญที่จะเสนอขายที่ราคาหุ้นละ 34.00 บาท หากพิจารณากำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง (ตั้งแต่ไตรมาส 1/63 ถึงไตรมาส 1/63) ซึ่งเท่ากับ 899.59 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญหลังการเสนอขายหลักทรัพย์ทั้งหมดจำนวน 1,428.78 ล้านหุ้น (ไม่รวมส่วนของหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายให้แก่กรรมการ ผู้บริหาร และ/หรือพนักงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยของบริษัทฯ ตามโครงการ STGT ESOP จำนวน 6.00 ล้านหุ้น ซึ่งจะเสนอขายในปีที่ 1 ถึงปีที่ 2 ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้น IPO) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้น (Earnings Per Share) เท่ากับ 0.63 บาทต่อหุ้น และอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) ประมาณ 54.00 เท่า

ทั้งนี้ หากหารด้วยจำนวนหุ้นสามัญหลังการเสนอขายหลักทรัพย์ทั้งหมดจำนวน 1,434.78 ล้านหุ้น (รวมส่วนของหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายให้แก่กรรมการ ผู้บริหาร และ/หรือพนักงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยของบริษัทฯ ตามโครงการ STGT ESOP จำนวน 6.00 ล้านหุ้น ซึ่งจะเสนอขายในปีที่ 1 ถึงปีที่ 2 ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้น IPO) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้น (Earnings Per Share) เท่ากับ 0.63 บาทต่อหุ้น และอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) ประมาณ 54.23 เท่า

อนึ่ง P/E Ratio ของบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกันเท่ากับ 67.01 เท่า อ้างอิงข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 17 มิ.ย.63 โดยคำนวณจากกำไรสุทธิย้อนหลัง 12 เดือน

สัดส่วนหุ้นของ “ผู้มีส่วนร่วมในการบริหาร” ที่ไม่ติด silent period จำนวน 99,927,200 หุ้น (ซึ่งไม่รวมหุ้นที่ผู้มีส่วนร่วมในการบริหารอาจได้รับจัดสรรจากผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์และตัวแทนจำหน่ายหุ้น) คิดเป็น 7% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ (ไม่รวมส่วนของหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายให้แก่กรรมการ ผู้บริหาร และ/หรือพนักงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยของบริษัทฯ ตามโครงการ STGT ESOP จำนวน 6,000,000 หุ้น ซึ่งจะเสนอขายในปีที่ 1 ถึงปีที่ 2 ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้น IPO)

บริษัทประมาณการว่าเงินที่จะได้รับจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ภายหลังหักค่าใช้จ่ายมีจำนวนประมาณ 14,595.38 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์การใช้เงินดังนี้ ขยายกำลังการผลิตและการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตถุงมือยาง และเพื่อการลงทุนในโครงการต่างๆ ของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในอนาคต 11,100 ล้านบาทในช่วงปี 63-69, ใช้เป็นเงินลงทุนเพื่อติดตั้งระบบ SAP เพื่อปรับเปลี่ยนระบบการทำงานและฐานข้อมูลของบริษัทฯ และบริษัทย่อยสู่ระบบ Enterprise Resource Planning (ERP) แบบสมบูรณ์เพื่อใช้ในการวางแผนทรัพยากรทางธุรกิจของแต่ละส่วนงานและทั่วทั้งองค์กร 150 ล้านบาทในช่วงปี 63-64,

รวมทั้งนำไปชำระคืนหนี้เงินกู้จากสถาบันการเงินของบริษัทฯ และ/หรือบริษัทย่อย 2,278.61 ล้านบาทในปี 63 และ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ และในกรณีที่ระยะเวลาเหมาะสมหรือเกิดประโยชน์สูงสุด บริษัทและบริษัทย่อยอาจนำเงินไปใช้เพื่อการชำระหนี้เงินกู้จากสถาบันการเงิน หรือหนี้จากการออกตราสารหนี้ 1,066.78 ล้านบาทในช่วงปี 63-69

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 มิ.ย. 63)

Tags: , , , , ,
Back to Top