ไทยพบผู้ติดเชื้อโควิดใหม่ 7 ราย เดินทางมาจาก ตปท.

  • ศบค.สรุปยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในไทย วันนี้ (11.30 น.)
  • ผู้ติดเชื้อสะสม 3,227 คน (+7)
    • เป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ = 0 ราย
    • เป็นผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศอยู่ในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) = 7 ราย
  • ไม่พบผู้ติดเชื้อภายในประเทศติดต่อกันเป็นวันที่ 50
  • รักษาหายแล้ว 3,091 คน (+1)
  • ผู้ป่วยรักษาอยู่โรงพยาบาล 78 คน (+6)
  • เสียชีวิตสะสม 58 คน (+0)

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 7 ราย ซึ่งเป็นผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศอียิปต์ 6 ราย และสหรัฐฯ 1 ราย เข้าพักอยู่ใน State Quarantine ส่วนในประเทศไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อเนื่องเป็นเวลา 50 วันนับตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.เป็นต้นมา

สำหรับผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 3,227 ราย เป็นผู้ป่วยในประเทศ 2,444 ราย และผู้ป่วยใน State Quarantine จำนวน 290 ราย วันนี้มีผู้หายป่วยเพิ่ม 1 ราย ทำให้จำนวนผู้ป่วยรักษาหายแล้วรวม 3,091 ราย และยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 78 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 58 ราย

โดยผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ที่เดินทางกลับมาจากประเทศอียิปต์ทั้ง 6 รายเป็นนักศึกษาชายอายุ 20-32 ปี เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 8 ก.ค.63 (เที่ยวบินนี้เคยมีรายงานพบผู้ป่วยแล้ว 1 ราย) เข้าพัก State Quarantine ที่จังหวัดชลบุรี และตรวจพาเชื้อเมื่อวันที่ 11 ก.ค.63 ผลตรวจพบเชื้อ ในจำนวนนี้มี 4 รายที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ติดเชื้อรายก่อนหน้านี้

ส่วนอีกรายเป็นหญิงไทยอายุ 66 ปี อาชีพแม่บ้าน เดินทางจากสหรัฐอเมริกาถึงไทยเมื่อวันที่ 9 ก.ค.63 เข้าพัก State Quarantine ที่กรุงเทพฯ และตรวจพาเชื้อเมื่อวันที่ 12 ก.ค.63 ผลตรวจพบเชื้อ แต่ไม่มีอาการ

สถานการณ์ทั่วโลกพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 199,818 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อสะสม 13,235,760 ราย เสียชีวิตแล้ว 575,525 ราย โดยสหรัฐฯ มียอดผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อสะสมรายใหม่มากสุด 65,488 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อสะสมมากสุด 3,479,483 ราย และเสียชีวิตมากสุด 138,247 ราย ขณะที่ประเทศไทยอยู่ที่อันดับ 100 โดยประเทศในเอเซียที่ยังพบผู้ป่วยต่อเนื่อง ได้แก่ อินเดีย ปากีสถาน บังคลาเทศ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ก.ค. 63)

Tags: , , ,
Back to Top