สธ.ติวเข้มแนวทางจัดตั้งสถานกักกันโรคเตรียมพร้อมผ่อนปรนระยะ 6

นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสุนนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาและถ่ายทอดองค์ความรู้ แนวทาง และประสบการณ์ดำเนินงานสถานกักกันโรคสู่พื้นที่จังหวัดเป้าหมายสำคัญในการเดินหน้าประเทศไทย

เพื่อให้มาตรการในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคในภาพของประเทศเป็นไปด้วยความต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดที่มีความสำคัญ

โดยวันนี้ได้เชิญผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน อาทิ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สำนักงานเขตสุขภาพที่ 1-12 กระทรวงกลาโหม โรงพยาบาลเอกชน และผู้ประกอบการโรงแรมที่ใช้เป็นสถานกักกันโรคทางเลือก ฯลฯ มาร่วมรับฟังแนวทางการดำเนินงานและการจัดตั้งสถานกักกันโรคตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ซึ่งจะส่งผลให้การดำเนินการสถานกักกันโรคในระดับท้องที่ และสถานกักกันโรคท้องที่ทางเลือก (Alternative Local Quarantine) ในจังหวัดเป้าหมายที่มีองค์ประกอบสำคัญ

ได้แก่ ท่าอากาศยาน ด่านชายแดนระหว่างประเทศ เมืองท่องเที่ยวหลัก และเป็นเป้าหมายการเดินทางและเป็นประตูเข้าสู่ประเทศไทย ทั้ง 44 จังหวัด เป็นไปอย่างถูกต้อง เหมาะสม บนมาตรฐานเดียวกันตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด โดยพื้นที่จังหวัดเป้าหมายทั้ง 44 จังหวัด ได้แก่ ภาคเหนือ 10 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 14 จังหวัด ภาคตะวันออก 5 จังหวัด ภาคตะวันตก 2 จังหวัด ภาคใต้ 10 จังหวัด และภาคกลาง 3 จังหวัด

นพ.ธเรศ กล่าวว่า ปัจจุบัน สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ยังคงมีให้พบเห็นอย่างต่อเนื่องในหลายภูมิภาคของโลก แม้ว่าหลายประเทศจะสามารถควบคุมโรคได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็พบว่ามีการแพร่ระบาดซ้ำในระลอกที่ 2 เกิดขึ้นอีก ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทยที่มีมาตรการในการควบคุม เฝ้าระวัง และมีระบบในการกักกันโรคที่ได้รับการยอมรับในสากล ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่

เมื่อรัฐมีการผ่อนคลายให้มีการดำเนินกิจกรรม กิจการต่างๆ โดยเฉพาะการผ่อนปรนในระยะที่ 6 ซึ่งจะอนุญาตให้กลุ่มบุคคลบางประเภทเดินทางเข้ามาในประเทศ จะต้องมีการตระเตรียมมาตรการป้องกันและควบคุมโรคที่มีความเหมาะสม ซึ่งการจัดตั้งสถานกักกันโรคแห่งรัฐ (State Quarantine) สถานกักกันโรคแห่งรัฐทางเลือก (Alternative State Quarantine) ในระดับรัฐ และการจัดตั้งสถานกักกันโรคท้องที่ (Local Quarantine) เพื่อใช้กักกัน แยกกัน เฝ้าระวังอาการของโรคโควิด-19 กับผู้ที่เดินทางเข้ามาในประเทศ เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 14 วันนั้น เป็นหนึ่งในแนวทางที่ประจักษ์ชัดว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกัน ควบคุมโรคเป็นอย่างดี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ก.ค. 63)

Tags: , , , , ,
Back to Top