ดาวโจนส์ปิดบวก 114.88 จุด รับแรงซื้อหุ้นเทคโนฯ,จับตาสหรัฐออกมาตรการหนุนศก.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่ในกลุ่ม FAANG (เฟซบุ๊ก,แอปเปิล,อเมซอน,เน็ตฟลิกซ์ และอัลฟาเบทซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล) ขณะที่นักลงทุนจับตาการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ของสหรัฐ รวมทั้งผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,584.77 จุด เพิ่มขึ้น 114.88 จุด หรือ +0.43%
  • ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,239.41 จุด เพิ่มขึ้น 23.78 จุด หรือ +0.74%
  • ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,536.27 จุด เพิ่มขึ้น 173.09 จุด หรือ +1.67%

นักวิเคราะห์จากบริษัทคอนนิง ในรัฐคอนเน็กติกัต กล่าวว่า นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอย่างคึกคัก และคาดว่าหุ้นกลุ่มดังกล่าวจะปรับตัวสูงขึ้นอีก เนื่องจากบริษัทเทคโนโลยีมีแนวโน้มที่จะเติบได้มากกว่าบริษัทกลุ่มอื่นๆ ในช่วงเวลาที่สหรัฐยังคงเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19

หุ้นบริษัทเทคโนโลยีในกลุ่ม FAANG ดีดตัวขึ้นถ้วนหน้า โดยหุ้นเฟซบุ๊ก เพิ่มขึ้น 1.21% หุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 2.37% หุ้นอเมซอน ดีดขึ้น 1.54% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ทะยานขึ้น 3.16% หุ้นอัลฟาเบท เพิ่มขึ้น 1.41% ส่วนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีนั้น หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ เพิ่มขึ้น 1.7% หุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 2.23%

หุ้นกลุ่มวัสดุปรับตัวขึ้น โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอร์แรน พุ่งขึ้น 3.35% หุ้นอัลโค คอร์ป พุ่งขึ้น 3.84% หุ้นวัลแคน มาเทเรียลส์ บวก 0.75%

หุ้นบริษัท Moderna ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐ พุ่งขึ้น 9.15% หลังจากทางบริษัทได้รับเงินทุนจากรัฐบาลสหรัฐเพิ่มเติมอีก 472 ล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 โดยเม็ดเงินดังกล่าวจะช่วยสนับสนุน Moderna ในการดำเนินโครงการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในเฟส 3 ซึ่งเริ่มต้นเมื่อวานนี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้บริษัทได้รับเงินทุนจากรัฐบาลจำนวน 483 ล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย.

อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มธุรกิจเรือสำราญร่วงลงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยหุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ร่วงลง 7.1% หุ้นนอร์วีเจียน ครูซ ไลน์ โฮลดิ้งส์ ดิ่งลง 7%, และหุ้นรอยัล แคริบเบียน ร่วงลง 3%

นักลงทุนจับตาการเจรจาระหว่างทำเนียบขาวและสภาคองเกรสเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ โดยคาดว่าจะมีวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่โครงการช่วยเหลือคนว่างงานจะหมดอายุลงในวันที่ 31 ก.ค.นี้

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ในวันที่ 28-29 ก.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมครั้งนี้ และเฟดจะยืนยันว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวในช่วงหลายปีข้างหน้า

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 7.3% ในเดือนมิ.ย. โดยได้รับแรงหนุนจากยอดขายรถยนต์ ซึ่งทำให้ยอดสั่งซื้อสินค้าในกลุ่มขนส่งเพิ่มขึ้น 20% หลังจากที่พุ่งขึ้น 78.9 ในเดือนพ.ค. ขณะที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังจากมีการปิดเศรษฐกิจก่อนหน้านี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ค.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จาก Conference Board, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนมิ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2563 (ประมาณการเบื้องต้น),ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมิ.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ก.ค. 63)

Tags: , , , ,
Back to Top