CCP รุกประมูลงานใหม่รักษา Backlog 1.8-2 พันลบ.พร้อมเน้นบริหารต้นทุนหนุนกำไร

นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี (CCP) เปิดเผยว่า บริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ประมาณ 1,800 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 1 ปี 6 เดือนจากนี้ ซึ่งภายในปีนี้จะรับรู้ฯ ราว 60%

โดยบริษัทจะทยอยประมูลงานเข้ามาเพิ่มอีกในอนาคตเพื่อรักษาระดับไว้ไม่ต่ำกว่า 1.800-2,000 ล้านบาท มุ่งเน้น Backlog ที่มีคุณภาพ คัดเลือกกลุ่มลูกค้าและโครงการที่มีกำลังซื้อเพื่อเพิ่มอัตรากำไร ขณะที่บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้ราว 2,600 ล้านบาท สัดส่วนรายได้มาจากงานภาครัฐ 80% และภาคเอกชน 20%

สำหรับความต้องการผลิตภัณฑ์คอนกรีตในช่วงครึ่งปีหลังแนวโน้มดี จากงานโครงการลงทุนเมกะโปรเจ็คต์ โครงสร้างพื้นฐานในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ทยอยดำเนินงานก่อสร้าง และโครงการของหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ต่าง ๆ ที่มีการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง อาทิ สนามบินอู่ตะเภา รถไฟฟ้าความเร็วสูง 3 สนามบิน งานถนนพัทยา-อู่ตะเภา ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือน้ำลึกมาบตาพุด งานภาคเอกชน อาทิ นิคมอุตสาหกรรม

ขณะที่แผนการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทยังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์การบริหารจัดการต้นทุน เพิ่มความสามารถในการทำกำไร และพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปร่วมกับลูกค้า เพื่อรองรับงานโครงสร้างพื้นฐาน เมกะโปรเจ็คท์ งานกรมทางหลวง และเดินหน้าติดตามโครงการต่างๆอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งขยายฐานลูกค้า กลุ่มสถาปนิก ผู้รับเหมารายย่อย โครงการขนาดกลาง-เล็ก ที่มีความต้องการใช้งานคอนกรีตสำเร็จรูปเพื่องานก่อสร้าง Land Scape เพิ่มยอดขายสินค้าคอนกรีตสำเร็จรูป กลุ่มบล็อกกำแพง บล็อกกันหน้าดิน บล็อกปูพื้น ที่ช่วยแก้ปัญหางานก่อสร้าง ขาดแคลนแรงงาน ลดต้นทุน ทำให้งานเสร็จรวดเร็ว

ด้านงานเอกชน มุ่งเน้นเข้ารับงานนิคมอุตสาหกรรม ที่ทยอยดำเนินงานก่อสร้างต่อเนื่อง ขณะที่ภาพรวมการเติบโตของกลุ่มผู้ประกอบการรับเหมา และผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ขยายตัวค่อนข้างน้อย อีกทั้งธุรกิจคอนกรีตผสมเสร็จ (Ready Mix) หลังจากที่ได้ปรับโมเดลธุรกิจ ส่งผลให้บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ทั่วประเทศ ยอดขายปรับตัวดีขึ้นและความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้น ดังที่เห็นจากผลการดำเนินการช่วง 2-3 ไตรมาสที่ผ่านมา

CCP รายงานผลประกอบการครึ่งแรกปี 63 บริษัทมีรายได้รวม 849.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 767.46 ล้านบาท จำนวน 82.35 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11% และมีกำไรสุทธิ 56.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิ 5.65 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ไตรมาส 2/63 มีรายได้รวม 389.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 365.25 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7% และมีกำไรสุทธิ 17 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5.11 ล้านบาท

นายอาทิตย์ กล่าวว่า ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกกลุ่มธุรกิจ โดยกลุ่มรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 5% จากปริมาณความต้องการผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปของโครงการภาครัฐและเอกชนสูงขึ้น และการพัฒนาสินค้าใหม่ออกสู่ตลาด ส่งผลให้ยอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้น สำหรับกลุ่มรายได้จากการให้เช่าและบริการปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 29% จากการให้เช่าและบริการรถขนส่งสินค้าประเภทคอนกรีตผสมเสร็จ (Ready-Mixed Concrete) อีกทั้งผลการดำเนินงานของบริษัทย่อย บมจ.สมาร์ทคอนกรีต (SMART) ปรับตัวดีขึ้นมาก

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ส.ค. 63)

Tags: , , , , , , , ,
Back to Top