MICRO มั่นใจเทรดวันแรกพรุ่งนี้ IPO 2.65 บาท เหมาะสม

นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่ม บมจ.เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (ASP) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ของ บมจ.ไมโครลิสซิ่ง (MICRO) มั่นใจว่า หุ้น MICRO ที่จะเข้าเทรดใน SET วันแรก 1 ต.ค.นี้จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน

ทั้งนี้ ราคา IPO 2.65 บาท มีค่า P/E Ratio (Pre-Dilution) 14 เท่า ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และสอดคล้องกับสภาวะของตลาดหลักทรัพย์ในปัจจุบัน สะท้อนความเชื่อมั่นและโอกาสในการลงทุน ตอบโจทย์นักลงทุนที่มองหาหุ้นที่มีการเติบโตสูง และมีความสามารถในการทำกำไรเติบโตสูง

MICRO จะเป็นหุ้นไอพีโอที่โดดเด่น ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เป็นธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสอง และสินเชื่อประเภทอื่นที่มีรถบรรทุกมือสองเป็นหลักประกัน ขณะที่ความสามารถในการทำกำไรในระดับสูง อัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) สูงถึง 30.6% ต่อปี จากความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ของผู้บริหารและทีมงาน รวมทั้งความตั้งใจในการทำธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสอง ซึ่งมีคู่แข่งทางตรงน้อย

ขณะที่บทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์หลายแห่งให้ราคาเป้าหมายในปี 64 ของ MICRO อยู่ที่ 3.20-3.78 บาทต่อหุ้น สะท้อนโอกาสในการลงทุน และมองเป็นอีกหุ้น Growth Stock ที่มีความสามารถในการบริหารงานและสร้างการเติบโตที่ดี

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ MICRO จะนำมาขยายพอร์ตสินเชื่อเป็นหลัก โดยจะนำไปใช้ขยายธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อจำนวน 460 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะนำไปชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน 150 ล้านบาท เพื่อช่วยลดต้นทุนทางการเงินลงบางส่วน และลงทุนในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศจำนวน 10 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการดำเนินงานและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในธุรกิจของบริษัท

นายวินิตย์ ปิยะเมธาง กรรมการผู้จัดการ MICRO กล่าวว่า บริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และมีประสบการณ์ในธุรกิจมายาวนานกว่า 26 ปี ซึ่งการระดมทุนครั้งนี้จะยิ่งทำให้ MICRO มีความแข็งแกร่งพร้อมรองรับแผนการดำเนินธุรกิจในอนาคตที่มีเป้าหมายในการขยายพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อให้เติบโตเป็น 5,000 ล้านบาทภายในปี 65 และเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์สินเชื่อ เพื่อตอบสนองความต้องการทางการเงินแก่ลูกค้าได้อย่างครบวงจร

ผลประกอบการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 60-62) บริษัทฯ มีอัตราการเติบโตของรายได้รวมเฉลี่ย (CAGR) 24.4% ต่อปี และในงวด 6 เดือนแรกของปี 63 รายได้รวมอยู่ที่ 202.5 ล้านบาท เติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อน 37.10% ด้านกำไรสุทธิในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) สูงถึง 30.6% ต่อปี แสดงถึงความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฯ และในงวด 6 เดือนแรกของปี 63 มีกำไรสุทธิ 62.5 ล้านบาท เติบโต 52.1% สอดคล้องกับรายได้ดอกเบี้ยเช่าซื้อที่เพิ่มขึ้น ขณะที่อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 30.8% และสิ้นปี 62 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 330.2 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 110.8 ล้านบาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ก.ย. 63)

Tags: , , , , , , , , ,
Back to Top