PODCAST: Worst Case สลายม็อบ 1,200 จุดเอาไม่อยู่

“Weekly Highlight” สัปดาห์นี้ (19-23 ต.ค.) มาเจาะลึกกับข่าวสารสำคัญ ในรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 19 ตุลาคม 2563

เริ่มต้นกับการสรุปภาพรวมตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ที่แล้ว (12-16 ต.ค.) SET INDEX ปิดที่ระดับ 1,233.68 จุด ลดลง 2.64% จากสัปดาห์ก่อน โดยกลุ่มหุ้นที่ปรับตัวลดลงมากที่สุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ กลุ่มสื่อและบันเทิง ลดลง 5.6% รองลงมาคือกลุ่มการท่องเที่ยว ลดลง 4.6% และสุดท้ายคือกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ลดลง 4.3%

สถานการณ์การเมืองภายในประเทศ โดยเฉพาะในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงร้อนระอุขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายหลังจากที่รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ก่อนนำไปสู่เหตุการณ์ใช้รถฉีดน้ำสลายกลุ่มผู้ชุมนุมบางจุด ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนชาวไทยและต่างชาติที่เฝ้าเกาะติดสถานการณ์การชุมนุมอย่างใกล้ชิด เพราะกังวลว่าถ้าหากระดับความร้อนแรงมากขึ้นกว่าในปัจจุบัน จะกลายเป็นสองแรงบวก ซ้ำเติมต่อเศรษฐกิจไทยให้เกิดความเสียหายอย่างหนัก หลังจากที่เคยได้รับความบอบช้ำมาแล้วจากวิกฤติการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19

และแม้ว่าในช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยจะเริ่มเข้าสู่การรายงานผลประกอบการในไตรมาส 3/63 ที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ทยอยกันออกบทวิจัยคาดการณ์แนวโน้มของผลประกอบการว่ามีโอกาสฟื้นตัว หากเทียบกับไตรมาส 2 ที่ผ่านมา แต่ด้วยปัจจัยเสี่ยงทางการเมืองที่ยังไม่มีความแน่นอน หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะสร้างแรงกดดันต่อบรรยากาศการลงทุน เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ผู้ลงทุนอาจตัดสินใจขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงในช่วงสั้น

ขณะเดียวกัน ก็เริ่มมีบางความเห็นจากนักวิเคราะห์ มองเห็นเป็นโอกาสของผู้ลงทุนที่ใช้กลยุทธ์ถือครองหุ้นระยะปานกลางจนถึงระยะยาว โดยเน้นคัดเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีสะสมเข้าพอร์ต เพื่อรับผลตอบแทนที่เหมาะสมหากภาวะเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง

นายธวัชชัย อัศวพรไชย รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล ประเมินภาพรวมดัชนีตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้เสี่ยงที่จะปรับตัวลดลง โดยให้น้ำหนักกับประเด็นความยืดเยื้อทางการเมืองในประเทศ พร้อมกับประเมินกรณีเลวร้ายในช่วงสั้น มีโอกาสที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยเสี่ยงปรับฐานหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,200 จุดก่อนลงมาทดสอบแนวรับถัดไปที่ระดับ 1,185 จุดได้เช่นกัน

สอดคล้องกับบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย ประเมินกรอบดัชนีตลาดหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,220 และ 1,200 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,245 และ 1,255 จุด ตามลำดับ

สำหรับสัปดาห์นี้ (19-23 ต.ค.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 31.00-31.50 บาทต่อดอลลาร์ฯโดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ ข้อมูลการส่งออกของไทยเดือนก.ย.การดีเบตรอบสุดท้ายของคู่ชิงประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ และนายโจ ไบเดน รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และประเด็นข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญระหว่างสัปดาห์ ได้แก่ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนต.ค. การเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย.และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นเดือนต.ค.ของสหรัฐฯ ยูโรโซน และญี่ปุ่น รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจจีน โดยเฉพาะตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/63 ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรมและการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนก.ย.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ต.ค. 63)

Tags: , , , , , , , , , ,
Back to Top