หุ้นไทยปิดพุ่ง 41.88 จุด รับแรงซื้อหุ้นได้ประโยชน์จากนโยบายกระตุ้นศก.ของไบเดน

  • ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,264.32 จุด เพิ่มขึ้น 41.88 จุด (+3.43%) มูลค่าการซื้อขาย 80,914.90 ล้านบาท
  • การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,266.58 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,232.72 จุด
  • ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 1,215 หลักทรัพย์ ลดลง 559 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 296 หลักทรัพย์

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างเคลื่อนไหวในแดนบวกกัน ตอบรับคาดการณ์ว่า นายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต มีโอกาสที่จะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐครั้งนี้ ทำให้มีการเข้ามาซื้อหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบายของนายไบเดน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างการเข้ามาซื้อหุ้นในกลุ่มปิโตรเคมี, กลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่มอื่นที่ราคาหุ้นได้ปรับตัวลงไปมากแล้ว อย่างหุ้น CPF, CPALL จนดัชนีหุ้นไทยทะลุแนวต้านสำคัญ 1,230 และ 1,250 จุดขึ้นไปได้

นอกจากนี้เชื่อว่าน่าจะมีการทำ Short covering ด้วย ซึ่งวันนี้มองว่ากองทุนระยะสั้นน่าจะเข้ามาซื้อเป็นการเล่นตามโมเมนตัมตลาด โดยนักลงทุนเปลี่ยนตัวเล่นจากหุ้นขนาดเล็กหันไปเล่นขนาดใหญ่ แต่คนก็ยังไม่กล้าเล่นหุ้นในกลุ่มแบงก์ เพราะกลุ่มนี้เมื่อมีอะไรเกิดขึ้นก็ยังพร้อมที่จะปรับตัวลงไปได้อีก ขณะที่กลุ่มโรงไฟฟ้าคนกล้าที่เข้ามาซื้อเพราะมีปันผลดี ทั้งนี้มองว่านักลงทุนยังคงเลือกลงทุนหุ้นเป็นรายตัวอยู่ โดยวันนี้ก็เลือกหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ดี ตลาดฯยังมีปัจจัยรออยู่ในเรื่องการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และปัจจัยการเมืองในประเทศ ที่ยังต้องติดตามการชุมนุมทางการเมือง รวมถึงยังต้องติดตามผลการเลือกตั้งสหรัฐอย่างเป็นทางการด้วย ส่วนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รอบนี้ไม่น่าจะมีอะไร แต่ให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันนี้ ซึ่งรอดูว่าจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจอะไรออกมาหรือไม่ เนื่องจากอังกฤษมีการล็อกดาวน์หลังเผชิญการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (6 พ.ย.) นายถนอมศักดิ์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นไปได้ โดยมีกรอบการแกว่งที่ 1,250-1,280 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 5,343.41 ล้านบาท ปิดที่ 59.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.75 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,000.28 ล้านบาท ปิดที่ 78.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,754.32 ล้านบาท ปิดที่ 34.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
GPSC มูลค่าการซื้อขาย 2,468.67 ล้านบาท ปิดที่ 60.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.75 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,172.13 ล้านบาท ปิดที่ 56.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (5 พ.ย. 63)

Tags: , , , , ,
Back to Top