ACE เผย Q3/63 กำไรปกตินิวไฮ, เชื่อทั้งปีโดดเด่นลุ้นโรงไฟฟ้ากระบี่ COD เร็วกว่าแผน

นายธนะชัย บัณฑิตวรภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ (ACE) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/63 มีรายได้จากการขายและบริการ 1,183 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.5% จากงวดเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 3.8% จากไตรมาส 2/63 ขณะที่กำไรสุทธิ 410 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 80% จากงวดเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 64% จากไตรมาส 2/63 ส่วนกำไรสุทธิจากกิจกรรมปกติ (Core Profit) อยู่ที่ 375 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% จากงวดเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาส 2/63

“ไตรมาส 3/63 ACE มี Core Profit ที่เป็น New High ทำลายสถิติเดิมที่เพิ่งทำไว้เมื่อไตรมาสที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 354 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เราได้ปรับปรุงและพัฒนาการบริหารจัดการการเดินเครื่องโรงไฟฟ้า การซ่อมบำรุง และการควบคุมต้นทุนการผลิต ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าชีวมวล 1 โครงการ จากจำนวนโรงไฟฟ้าชีวมวล 3 โครงการ ที่เพิ่งซื้อและรับโอนเข้ามาเมื่อช่วงปลายเดือน ส.ค.63 ซึ่งเป็นการรับรู้รายได้ที่ยังไม่เต็มไตรมาส”

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ACE กล่าว

ส่วนโรงไฟฟ้าชีวมวลอีก 2 โครงการที่ซื้อมาพร้อมกันนั้น ตั้งแต่รับโอนมายังไม่ได้เดินเครื่อง เนื่องจากยังอยู่ในช่วงการปรับปรุงเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิการผลิตให้เป็นไปตามแผนที่ได้วางไว้ตั้งแต่ตอนตัดสินใจเข้าซื้อกิจการ คาดว่าน่าจะปรับปรุงแล้วเสร็จและเริ่มเดินเครื่องจำหน่ายไฟฟ้าได้ภายในไตรมาส 4 ปีนี้

เมื่อเดือน ส.ค.63 ACE ได้เข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าชีวมวลที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว 3 โครงการ จาก บมจ.เอื้อวิทยา (UWC) โดยเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ตั้งอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา 1 โครงการ และตั้งอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ 2 โครงการ รวมกำลังการผลิตติดตั้ง 26.9 เมกะวัตต์ มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จำนวน 22.5 เมกะวัตต์

นายธนะชัย กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/63 คาดว่าทั้งรายได้จากการขายและบริการ กำไรสุทธิรวมถึงกำไรสุทธิจากกิจกรรมปกติ ยังมีทิศทางที่ดีเช่นเดียวกับไตรมาส 3/63 โดยอาจมีผลประกอบการของโรงไฟฟ้าใหม่ๆ เข้ามาช่วยหนุนให้ผลประกอบการเติบโตมากยิ่งขึ้น ได้แก่ การรับรู้รายได้ของโรงไฟฟ้าชีวมวล 3 โครงการที่ซื้อมาจาก UWC ซึ่งในส่วนของโรงไฟฟ้าชีวมวลที่นครราชสีมาจะรับรู้รายได้เต็มไตรมาส นอกจากนี้ยังจะเริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าชีวมวล 2 โครงการที่จังหวัดบุรีรัมย์ด้วย

รวมทั้งโรงไฟฟ้าขยะชุมชนที่จังหวัดกระบี่ ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยแต่เดิมนั้นคาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในไตรมาส 1/64 แต่ล่าสุดการก่อสร้างคืบหน้าไปกว่าแผนมาก จึงมีโอกาสจะ COD ได้ทันภายในปีนี้ ถือเร็วกว่าแผนเดิม 1 ไตรมาส

ทั้งนี้ จากการที่ตัวเลขกำไรสุทธิงวด 9 เดือนของปีนี้ ACE ทำได้แล้วกว่า 1,254 ล้านบาท สูงกว่ากำไรสุทธิทั้งปี 62 ที่อยู่ในระดับ 815 ล้านบาท ดังนั้นจึงประเมินว่าในปี 63 นี้กำไรสุทธิ ACE จะเติบโตอย่างโดดเด่น

“การเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าชีวมวลจาก UWC จะทยอยรับรู้รายได้อย่างเต็มที่มากขึ้นในไตรมาสต่อๆ ไป บวกกับเรายังมีดีลซื้อกิจการโรงไฟฟ้าหลากหลายประเภททั้งในประเทศและต่างประเทศอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบสถานะ (Due Diligence) และการเจรจา ทำให้ในอนาคตเราน่าจะได้เห็นการรับรู้รายได้ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากโครงการโรงไฟฟ้าต่างๆ ที่บริษัทฯ ซื้อมาและที่จะซื้อเพิ่มอีกในอนาคต อย่างไรก็ดี โครงการโรงไฟฟ้าต่างๆ ที่บริษัทฯ จะซื้อเข้ามาเพิ่มนั้น จะพิจารณาความคุ้มค่าของการลงทุนเป็นหลักสำคัญ เพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อซื้อมาแล้ว จะทำให้ผลประกอบการของ ACE เติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในระยะยาว”

นายธนะชัย กล่าว

ปัจจุบัน ACE มีโรงไฟฟ้าที่ COD แล้ว จำนวน 18 โครงการ มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 239.91 เมกะวัตต์ โดยในปี 64 มีเป้าหมายจะเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งรวมเป็น 449.27 เมกะวัตต์ และมีเป้าหมายที่จะให้กำลังการผลิตติดตั้งเพิ่มเป็น 1,000 เมกะวัตต์ในปี 67

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 พ.ย. 63)

Tags: , , , ,
Back to Top