พีดี เฮาส์ คาดตลาดรับสร้างบ้านปี 64 ชะลอตัวต่อตาม ศก.หดตัว-รายใหม่ตัดราคา

นายพิศาล ธรรมวิเศษ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานธุรกิจรับสร้างบ้าน บริษัท พีดี เฮาส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในปี 64 ยังมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่องจากปี 63 จากผลกระทบของโควิด-19 ที่กระทบให้ภาพรวมเศรษฐกิจชะลอตัวต่อเนื่อง

ลูกค้าที่ต้องสร้างบ้านชะลอการตัดสินใจออกไป แม้ตลาดยังมีความต้องการใช้บริการรับสร้างบ้านอยู่มากก็ตาม และพฤติกรรมการตัดสินใจใช้บริการสร้างบ้านใช้ระยะเวลานานมากขึ้นจากปกติ 6 เดือน-2 ปี สะท้อนภาพความไม่มั่นใจของลูกค้าในสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังไม่กลับมาดี กระทบต่อมูลค่าตลาดรับสร้างบ้านในปีหน้าคาดว่าจะหดตัวลดลงมาเป็น 1 หมื่นล้านบาท จากปี 63 อยู่ที่ราว 1.2 หมื่นล้านบาท

ขณะที่คู่แข่งในตลาดรับสร้างบ้านเพิ่มจำนวนขึ้น โดยเฉพาะจากผู้ประกอบการรายใหม่ที่เป็นกลุ่มผู้รับเหมารายย่อยและโบรกเกอร์ต่างๆ เข้ามาแข่งขันในตลาดเพิ่มขึ้น โดยใช้ช่องทางออนไลน์ในการทำการตลาดและหาลูกค้า เน้นไปกลุ่มลูกค้าที่สนใจสร้างบ้านระดับราคา 800,000-1,500,000 บาท ด้วยการเสนอราคาต่ำกว่าตลาดและปกปิดรายละเอียดบางอย่าง ทำให้การแข่งขันในตลาดเพิ่มขึ้น ลูกค้าเกิดความสับสนด้านข้อมูล ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทเน้นย้ำให้ลูกค้าทุกคนระมัดระวังและศึกษารายละเอียดให้ดีก่อนตัดสินใจใช้บริการ

สำหรับ”พีดี เฮาส์” ในฐานะหนึ่งในผู้นำตลาดรับสร้างบ้าน ได้มุ่งเน้นการให้บริการที่มีความน่าเชื่อถือ สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า และทำงานที่มีคุณภาพส่งมอบให้กับลูกค้าเป็นหลัก พร้อมกับได้มีการปรับกลยุทธ์ในปี 64 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของตลาด โดยที่บริษัทจะรุกการให้บริการลูกค้าในภูมิภาคที่ลูกค้าเริ่มกลับมาใช้บริการรับสร้างบ้านมากขึ้น

โดยเฉพาะในกรุงเทพฯและภาคกลาง รวมถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลูกค้าส่วนใหญ่เริ่มทยอยตัดสินใจกลับมาใช้บริการรับสร้างบ้านแล้ว ซึ่งเป็นโอกาสในการที่บริษัทจะเข้าไปรับงานเข้ามา โดยที่สัดส่วนรายได้ของบริษัทในปี 63 จะเห็นว่าโซนกรุงเทพฯ และภาคกลางมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมาเป็น 50% จากปี 62 ที่ 15-20% และภาคตะวันออกเฉียงเหนืงมีสัดส่วน 25% ส่วนที่เหลือเป็นกลุ่มลูกค้าภาคเหนือและภาคใต้ ทำให้บริษัทมองถึงโอกาสในการเข้าไปรุกตลาดในภูมิภาคที่ตลาดเริ่มฟื้นกลับมา

นายพิศาล กล่าวว่า ในปี 64 บริษัทจะขยายสาขาอีก 4 สาขา ในจังหวัดนครนายก ราชบุรี อุดรธานี และสุราษฎร์ธานี ทำให้มีสาขารวมเพิ่มเป็น 28 สาขา พร้อมกับควบรวมสาขาแฟรนไซส์ในเครือปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป บางสาขาให้มารวมอยู่ด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว เพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางด้านการเงินและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันภายใต้ภาวะตลาดชะลอตัว และทำให้การขับเคลื่อนธุรกิจเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนสาขาแฟรนไชส์ใดที่แข็งแรงอยู่แล้วบริษัทจะช่วยผลักดันให้เข้มแข็งมากขึ้น

นอกจากนี้ ยังขยายการบริการที่ครบวงจรมากขึ้นจากการขยายงานในส่วนของการให้บริการออกแบบภายใน ภายใต้การดำเนินงานของ “เฌอ-วาด อาคิเทค” ซึ่งสอดคล้องตามพฤติกรรมของลูกค้าในปัจจุบันที่มีความต้องการด้านการปรับแบบภายในของบ้านในแค่บางส่วนเพียงเล็กน้อย ทำให้งานในส่วนนี้เข้ามาตอบสนองความต้องการของลูกค้า และการพัฒนาสินค้าเฮาส์แบรนด์ของบริษัทขึ้นมาเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า และช่วยให้บริษัทลดต้นทุนและบริหารจัดการต้นทุนได้ดีขึ้น ทำให้การให้บริการของบริษัทครอบคลุมและครบวงจรในที่เดียว

ส่วนยอดขายในปี 64 บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 1 พันล้านบาท ใกล้เคียงกับยอดขายในปีนี้ ถือว่ายังมีความท้าทายจากภาวะของตลาดรับสร้างบ้านยังไม่เห็นปัจจัยที่เข้ามาช่วยสนับสนุนให้ลูกค้าเร่งการตัดสินใจกลับมาตัดสินใจใช้บริการอย่างรวดเร็ว แต่ในภาวะที่ตลาดชะลอ บริษัทยังคงเดินหน้ารุกเจาะเข้าไปในกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพ เพื่อช่วงชิงโอกาสในการได้รับงานใหม่เข้ามา ทำให้ผลักดันยอดขายของบริษัทตามเป้าหมาย โดยปัจจุบันบริษัทมีงานรับสร้างบ้านไนมืออยู่ที้งสิ้น 137 งาน มูลค่างานเฉลี่ย 7 ล้านบาท/งาน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 พ.ย. 63)

Tags: , , ,
Back to Top