ศบค.พบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 21 ราย มาจากต่างประเทศ

  • ศบค.สรุปยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในไทย วันนี้ (11.00 น.)
  • ผู้ติดเชื้อสะสม 4,107 คน (+21)
    • เป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ = 0 ราย
    • เป็นผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศอยู่ในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) = 21 ราย
    • เป็นผู้เดินทางจากต่างประเทศไม่เข้าสถานที่กักกัน = 0 ราย
  • รักษาหายแล้ว 3,868 คน (+15)
  • ผู้ป่วยรักษาอยู่โรงพยาบาล 179 คน (+6)
  • เสียชีวิตสะสม 60 คน (+0)

ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 21 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานกักกัน (Quarantine Facilities) จำนวน 9 รายเดินทางมาจากประเทศเมียนมา สหราชอาณาจักร 4 ราย สหรัฐอเมริกา 2 ราย สิงคโปร์ 2 ราย เอสโตเนีย 1 ราย อินเดีย 1 ราย เยอรมนี 1 ราย สหรัฐอาหรับอิมิเรตส์ 1 ราย

สำหรับจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศ ล่าสุดอยู่ที่ 4,107 ราย ส่วนผู้ป่วยรักษาหายแล้วเพิ่มอีก 15 ราย รวมเป็น 3,868 ราย ยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 179 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 60 ราย

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค ก.สาธารณสุข กล่าวว่า ผลการสอบสวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีการสอบสวนโรคอยู่หลายจังหวัดร่วมกันดำเนินงาน โดยมีบางรายเดินทางข้ามจังหวัด ทั้งนี้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เกี่ยวข้องกับ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ล่าสุด ณ วันที่ 7 ธ.ค.63 มีจำนวนรวม 38 คน มาจากจังหวัดเชียงรายมีผู้ติดเชื้อมากที่สุดถึง 26 ราย ซึ่งพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6 ราย เชียงใหม่ 5 ราย พะเยา 1 ราย กทม. 3 ราย พิจิตร 1 ราย ราชบุรี 1 ราย และสิงห์บุรี 1 ราย โดย 2 ใน 38 เป็นผู้ติดเชื้อในประเทศไทย แต่เกี่ยวข้องกับผู้ติดเชื้อมาก่อนที่เดินทางมาจากเมียนมา ส่วน 20 ใน 38 รายตรวจพบใน Local Quarantine

จำนวนผู้ติดเชื้อท้ง 36 รายเป็นพนักงานที่โรงแรม 1G1-7 ตั้งอยู่ในจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนไทย อ.แม่สาย เพียง 1.5 กม. และห่างจากจุดผ่านแดนถาวรประมาณ 2-3 กม.โรงแรม 1G1-7 เป็นโรงแรมที่เป็นสถานบันเทิงแบบครบวงจรมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน ภายในมีสิ่งบันเทิงครบวงจร ทั้งผับ เธค บาร์ คาราโอเกะ กาสิโน เป็นสถานที่ปิดเป็นห้องแอร์คนอยู่รวมกันจำนวนมาก ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้สวมหน้ากากดังนั้นความเสี่ยงที่จะแพร่เชื้อมีอยู่สูง ผู้ป่วยแจ้งว่ามีคนไทยไปทำงานหลายร้อยคน สถานบันเทิงได้ปิดทำการเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.63 เพราะมีโควิดระบาดในเมียนมาและบริเวณรอบๆสถานบันเทิงก็พบผู้ป่วยในปลายเดือนพ.ย. ทำให้คนไทยก็เดินทางกลับประเทศไทย จึงพบผู้ติดเชื้อในครั้งนี้ด้วย

อย่างไรก็ตาม บางคนยังไม่มีอาการ อยู่ในระยะฟักตัวของโรค แต่ผู้ที่กลับมาจะให้เข้าสถานที่กักตัวที่รัฐจัดเตรียมไว้ หรือ Local Quarantineเป็นเวลา 14 วัน

นพ.โสภณ กล่าวว่า ในรายที่เป็นหญิง 51 ปีที่จ.สิงห์บุรีมีรายงานเพิ่มเติมว่า พบการตรวจมีผู้สัมผัสกับผู้ป่วยรายนี้รวม 55 ราย เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 37 ราย โดยจำนวนี้ 32 รายได้รับการตรวจแล้วไม่พบเชื้อ และรอผลตรวจอีก 5 ราย ส่วนใหญ่ก็เป็นสมาชิกในครัวเรือนเพื่อนร่วมงานที่ทำงาน เจ้าหน้าที่ หน่วยงานที่ไปติดต่อที่บ้านและร้านตัดเสื้อซึ่งอยู่ในขั้นตอนเฝ้าระวังสังเกตุอาการต่อให้ครบ 14 วัน ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำพบที่สนามบิน โรงแรม และโรงพยาบาล 2 แห่งที่ไปตรวจรักษาก่อนหน้าที่จะพบเชื้อ ทั้งหมดได้ติดตามและเฝ้าระวังสังเกตุอาการเช่นเดียวกันจนครบ 14 วัน

ส่วนผลการสอบสวนเพิ่มเติม มีการดูภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่าในเที่ยวบิน DD 8717 เป็นเที่ยวบินจากสนามบินแม่ฟ้าหลวงเชียงรายมาสนามบินดอนเมือง ในวันที่ 28 พ.ย. 63 ผู้ป่วยรายนี้นั่งห่างอยู่จากผู้ป่วยก่อนหน้า 8 แถวจึงไม่น่าจะเป็นสาเหตุการรับเชื้อ แต่ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญคือขณะที่นั่งรออยู่ที่สนามบินแม่ฟ้าหลวงฯก่อนขึ้นเครื่องมีภาพบางมุมพบว่ามีการสวมหน้ากากไม่ถูกต้อง ตกลงมาใต้จมูกและปากของทั้งของผู้ป่วยรายนี้ที่สิงห์บุรีและผู้ป่วยที่อยู่พิจิตร ไม่มีอาการ และผู้ป่วยที่อยู่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นผู้ป่วยที่มีอาการ อยู่บริเวณใกล้เคียงกัน จึงมีความเป็นไปได้สูงว่าสาเหตุและสถานที่รับเชื้อจะเป็นพื้นที่นั่งรอที่สนามบินแม่ฟ้าหลวงฯ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่สนามบินฯได้จัดการเรื่องการทำความสะอาดและย้ำเตือนให้ผู้โดยสารได้รับการคัดกรองและปฏิบัติตามกฎที่ต้องสวมหน้ากากใช้เจลล้างมือ เว้นระยะห่าง เพื่อลดการแพร่เชื้อ

ทั้งนี้ประกาศให้ประชาชนที่เป็นผู้โดยสารดังนั้น เที่ยวบิน DD8717 (สายการบินนกแอร์)วันที่ 28 พ.ย.63 เวลา 13.40 น. เที่ยวบิน SL533(สายการบินไทยไลอ้อนแอร์) วันที่ 29 พ.ย. 63 เวลา 10.40 น. เที่ยวบิน WE137 (สายการบินไทยสมายล์) วันที่ 29 พ.ย.63 เวลา 20.30 น. และเที่ยวบิน SL545 (สายการบินไทยไลอ้อนแอร์) วันที่ 30 พ .ย.63 เวลา 19.15 น. ให้สังเกตุอาการตนเองเป็นเวลา 14 วันนับจากวันที่เดินทาง หากมีไข้ ไอ น้ำมูก เจ็บคอ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ให้โทรแจ้ง 1422 หรือหน่วยงานสาธารณสุขใกล้บ้าน และหากมีอาการไปรับการตรวจที่รพ.ใกล้บ้าน โดยสวมหน้ากาก เว้นระยะห่างจากผู้อื่น ใช้รถส่วนตัว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ธ.ค. 63)

Tags: ,
Back to Top