หุ้นไทยเช้านี้แนวโน้มแกว่งไซด์เวย์อิงขึ้น-รับ FDA ไฟเขียววัคซีนไฟเซอร์

นักวิเคราะห์ฯมองตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่ง Sideway ถึง Sideway up แนวเดียวกับตลาดภูมิภาคที่ส่วนใหญ่บวกเล็กน้อย ขานรับ FDA สหรัฐอนุมัติใช้วัคซีนต้านโควิด-19 ของ”ไฟเซอร์ อิงค์ และ ไบโอเอ็นเทค” นอกจากนี้ราคาน้ำมันโดยรวมยังขึ้นได้สูงสุดในรอบ 9 เดือนเป็นผลดีต่อกลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี อีกทั้งบาทแข็งค่าจาก Fund Flow ไหลเข้า ทำให้ต้องคอยจับตาแบงก์ชาติจะมีมาตรการอะไรออกมาหรือไม่ พร้อมให้แนวรับ 1,470-1,472 แนวต้าน 1,490-1,495 ถัดไป 1,503 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway ถึง Sideway up เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวกเล็กน้อยราว 0.1-0.2% ขานรับสำนักงานอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐได้อนุมัติให้มีการใช้วัคซีนต้านโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์และบริษัทไบโอเอ็นเทคในกรณีฉุกเฉิน รวมทั้งข่าวผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) ได้ลงนามอนุมัติให้มีการฉีดวัคซีนดังกล่าวให้กับชาวอเมริกันอย่างเป็นทางการ

นอกจากนี้ ในช่วงที่ตลาดบ้านเราปิดทำการไปราคาน้ำมันโดยรวมก็ยังปรับตัวขึ้นมาได้สูงสุดในรอบ 9 เดือน ทำให้เป็นผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มปิโตรเคมี อีกทั้งเงินบาทที่ยังแข็งค่าแถว 30 บาท/ดอลลาร์ฯ จาก Fund Flow ที่ไหลเข้า ทำให้ต้องคอยจับตาธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีมาตรการอะไรออกมาหรือไม่

พร้อมกันนี้สัปดาห์นี้ให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) รวมทั้งติดตามตัวเลข PMI ภาคการผลิตเดือนธ.ค.ของทั่วโลกที่จะทยอยออกมา

พร้อมให้แนวรับ 1,470-1,472 จุด ส่วนแนวต้าน 1,490-1,495 ถัดไป 1,503 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (11 ธ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,046.37 จุด เพิ่มขึ้น 47.11 จุด (+0.16%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,663.46 จุด ลดลง 4.64 จุด (-0.13%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,377.87 จุด ลดลง 27.94 จุด (-0.23%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 2.34 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 7.01 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 16.23 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 22.77 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 0.63 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 14.60 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.11 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (9 ธ.ค.63) 1,482.67 จุด เพิ่มขึ้น 3.75 จุด (+0.25%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,653.30 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.63
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.64 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (11 ธ.ค.63) ปิดที่ 45.57 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 21 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 46.57 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (11 ธ.ค.63) อยู่ที่ 0.27 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 30.08 แนวโน้มทรงตัวในกรอบแคบ รอติดตามสถานการณ์ Brexit-ผลประชุมเฟด
  • กรมการค้าภายใน เปิดแผนดูแลราคาสินค้าปี 64 ยึดนโยบาย ไม่ให้ขึ้นราคาสินค้า ชี้ไร้ปัจจัยกดดันต้นทุนการผลิตทั้งน้ำมัน-ค่าบาท ถกผู้ผลิต ซัพพลายเออร์ประเมินสถานการณ์ ชี้การแข่งขันสูงสวนทางกำลังซื้ออ่อนไหว ดึงโชห่วย 3 แสนแห่งทั่วประเทศผนึกซัพพลายเออร์จัดโปรลดราคาพยุงกำลังซื้อ
  • 4 แบงก์ใหญ่เร่งบริหารจัดการหนี้ส่งท้ายปีหวังคุมหนี้เสียไม่ให้เพิ่มขึ้น “กรุงไทย” ชี้การขายหนี้เสียยังอยู่ในแผนแต่ขอดูภาวะตลาด หากราคาต่ำอาจไม่คุ้ม ขณะที่แบงก์กสิกรไทย-กรุงเทพ ยังเน้นบริหารเองเป็นหลัก ส่วนทีเอ็มบีตั้งเป้าคุมเอ็นพีแอล ปีนี้ไม่เกิน 3% ชะลอแผนขายหนี้หวั่นถูกกดราคา
  • นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ครั้งที่ผ่านมาจำนวนสิทธิที่พักเต็มแล้ว 5 ล้านสิทธิ์ หลังประชาชนเริ่มใช้สิทธิเดินทาง ไปท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาว ซึ่งถือว่าเป็นที่น่าพอใจ โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามีการเติมสิทธิห้องพักเข้าไปเพิ่มอีก 1 ล้านสิทธิ์ ในวันที่ 16 ธันวาคมนี้ เพื่อให้เพียงพอต่อ ความต้องการของประชาชน
  • นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เปิดเผยว่า ปัจจัยสำคัญ ๆ ที่ต้องติดตามเพราะมีผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยคือเศรษฐกิจโลกซึ่งตัวแปรหลักคือวัคซีนโควิด-19 ซึ่งหากประสบความสำเร็จในการใช้กับคนและกระจายไปยังประเทศต่างๆ ได้มากขึ้นการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกก็จะกลับมาเร็วและสะท้อนมายังเศรษฐกิจไทยโดยเฉพาะการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ไทยต้องพึ่งพิงต่างชาติในการขับเคลื่อน

หุ้นเด่นวันนี้

  • JWD (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 10 บาท แนวโน้มกำไร Q4/63 ยังฟื้นตัวแกร่งตัวเนื่องทั้งธุรกิจในไทยและต่างประเทศจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวค่อนข้างชัดเจนหนุนความต้องการเช่าคลังสินค้า ห้องเย็น รวมถึง Barge Terminal ที่มีปริมาณขนตู้คอนเทนเนอร์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง พร้อมคาดกำไรปี 2563 -19% Y-Y แต่มี Upside จากเป้ารายได้ของผู้บริหารที่คาดโต 8-10% สูงกว่าคาดการณ์ ขณะที่ปี 2564 คาดกลับมาฟื้นตัวโดดเด่น +21% Y-Y
  • MAJOR (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 23 บาท รับข่าวดีมีพัฒนาการทางบวกในการผลิตวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ยังมี Sentiment บวกหลังภาพยนตร์เรื่อง “อ้ายคนหล่อลวง” ทำรายได้ทะลุ 100 ล้านบาทได้เป็นเรื่องที่ 2 ต่อจากภาพยนตร์เรื่อง “อีเรียมซิ่ง”
  • M (เคทีบี) เป้าเชิงกลยุทธ์ 60.00 บาท การบริโภคในประเทศฟื้นตัวอย่างชัดเจน ผู้คนออกมาทำกิจกรรมนอกบ้านใกล้เคียงกับช่วงเวลาปกติแล้ว อีกทั้ง High Season ช่วงปลายปีเป็นตัวเร่งยอดขาย จึงคาดผลการดำเนินงานของ M เติบโตต่อเนื่อง QoQ และดีกว่ากลุ่ม ด้าน Bloomberg Consensus Survey กำไรสุทธิ ปี 2563 คาด 920 ล้านบาท -65%YoY โดยกำไรที่ลดลง มาจากการปิดร้าน+ห้างฯจากผลของโควิด-19 แต่กำไรจะกลับมาเติบโต 120%YoY ในปีหน้าอีกครั้ง หรือมีกำไร 2.0 พันล้านบาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ธ.ค. 63)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top