เงินบาทเปิด 30.08/10 ต่อดอลล์ แนวโน้มเคลื่อนไหวกรอบแคบ

จับตาประชุมเฟด-ความชัดเจน Brexit

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 30.08/10 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าเล็กน้อยจากเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 30.06/07 บาท/ดอลลาร์

วันนี้คาดว่าเงินบาทจะยังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ ตลาดรอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งคาดว่านโยบายต่างๆ น่าจะยังคงเดิม แต่อาจมีการปรับปรุงวงเงินซื้อ QE เล็กน้อย และติดตามการเจรจา Brexit ระหว่างอังกฤษกับสหภาพยุโรป ที่จะต้องมีข้อตกลงให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ ขณะเดียวกัน ยังต้องดูสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด หลังจากที่ล่าสุดอังกฤษต้องประกาศล็อกดาวน์อีกครั้ง เนื่องจากมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจำนวนมากในแต่ละวัน

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.00-30.15 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (14 ธ.ค.) อยู่ที่ระดับ 0.00651% ส่วน THAI BAHTI FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.12591%

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 104.08/10 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 103.71/73 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2158/2160 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.2155/2156 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 30.084 บาท/ดอลลาร์
  • คิกออฟแผนพลังงานชาติ รองรับการปรับตัวเทคโนโลยีอีวี เอกชนแนะตั้งกองทุนฯ 2 ล้านล้านบาท พลิกโฉมประเทศ ด้านธุรกิจโซลาร์คึก เอสพีซีจีบมือ PEA ENCOM ผุดโซลาร์ฟาร์ม ด้านกันกุลเจาะ ตปท. บ้านปูย้ำ IoT มาเพิ่มประสิทธิภาพเสริมแกร่ง
  • นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ประกาศระงับโครงการ “Go To Travel” เป็นการชั่วคราว หลังพบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  • เจ้าหน้าที่สหภาพยุโรป (EU) ซึ่งทำหน้าที่เป็นหัวหน้าผู้แทนการเจรจา Brexit เปิดเผยในวันนี้ว่า การบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างอังกฤษ และ EU ยังคงมีความเป็นไปได้ พร้อมระบุว่า การเจรจาระหว่างทั้งสองฝ่ายยังคงดำเนินไปในขณะนี้ เพื่อประสานความคิดเห็นที่แตกต่างกันในประเด็นการประมง และกฎระเบียบที่จะนำมาใช้ต่อบริษัทต่างๆ อย่างเป็นธรรม
  • เงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า อังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) จะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้า ซึ่งจะช่วยให้อังกฤษสามารถหลีกเลี่ยงภาวะการแยกตัวจาก EU แบบไร้ข้อตกลง หรือ no-deal Brexit
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) เนื่องจากข่าวความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในประเทศต่างๆ ได้ส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐในวันที่ 15-16 ธ.ค.นี้
  • นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 15-16 ธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จากปัจจุบันที่ระดับ 8 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน ขณะที่เฟดซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ในวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน เพื่อรักษาเสถียรภาพในตลาดการเงิน
  • ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำสาขานิวยอร์ก เปิดเผยผลการสำรวจ ระบุว่า ชาวอเมริกันยังคงมีความไม่แน่ใจเกี่ยวกับสถานะทางการเงินในเดือนพ.ย. ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่ผู้บริโภคมีมุมมองที่แตกต่างกันต่อตลาดแรงงาน
  • นักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการเจรจามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ ขณะที่สื่อต่างประเทศรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า สมาชิกพรรครีพับลิกันและเดโมแครตได้เห็นพ้องที่จะแยกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 9.08 แสนล้านดอลลาร์ออกเป็นร่างกฎหมาย 2 ฉบับเพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรส โดยฉบับแรกจะมีวงเงิน 7.48 แสนล้านดอลลาร์เพื่อเยียวยาผู้ที่ตกงานและธุรกิจขนาดย่อมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ขณะที่อีกฉบับหนึ่งจะมีวงเงิน 1.60 แสนล้านดอลลาร์เพื่อให้ความช่วยเหลือมลรัฐต่างๆ
  • ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ย., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนธ.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย., ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนธ.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนธ.ค.จากมาร์กิต, สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนต.ค., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนธ.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนธ.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนพ.ย.จาก Conference Board
  • คณะผู้เลือกตั้งสหรัฐ (Electoral College) ได้ลงคะแนนเสียงให้นายโจ ไบเดน เป็นผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งจะทำให้นายไบเดนก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ธ.ค. 63)

Tags: , , ,
Back to Top