U ยันเดินหน้าธุรกิจโรงแรมแม้ขายทรัพย์สินบางส่วนกว่า 5 พันลบ.เสริมสภาพคล่อง

แหล่งข่าวจาก บมจ.ยู ซิตี้ (U) เปิดเผยกับ”อินโฟเควสท์”ว่า บริษัทยังคงเดินหน้าธุรกิจโรงแรมทั้งในและต่างประเทศ แม้ว่ามีแผนจะตัดขายสินทรัพย์บางส่วน ซึ่งคาดว่าจะได้เงินราว 5 พันล้านบาท เพื่อนำมาใช้เสริมสภาพคล่องและชำระคืนหนี้บางส่วน ทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลงได้

ขณะที่บริษัทยังคงมีสินทรัพย์ที่เหลืออยู่ทั้งในและต่างประเทศ ทั้งในส่วนโรงแรมและที่ดินเปล่า ที่พร้อมนำไปพัฒนาโครงการ ภายหลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายและภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวกลับมา

“ต้องยอมรับว่าหลังจากเกิดโควิด-19 ธุรกิจของ U ก็ได้รับผลกระทบอย่างมาก เพราะเรามีธุรกิจโรงแรมเป็นรายได้หลักกว่า 70% ซึ่งกดดันธุรกิจมาก ตอนนี้เราก็เน้นไปที่การบริหารสภาพคล่องและลดค่าใช้จ่าย แต่อาจจะไม่เพียงพอ ทำไห้เราต้องตัดขายที่ดินและโรงแรมที่เป็นสิทธิการเช่าออกไป เพื่อนำเงินมาเสริมสภาพคล่อง และลดหนี้ ทำให้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลงได้อีก แต่เรายังมีสินทรัพย์และโรงแรมที่เป็นของเราอยู่ ยังยืนยันว่ายังทำธุรกิจโรงแรมในไทยและในต่างประเทศ ที่เป็นครือเวียนนา เฮ้าส์ที่เราซื้อมาเมื่อ 2-3 ปีก่อน”

แหล่งข่าว กล่าว

เมื่อเช้านี้ U แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 9/2563 เห็นชอบให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นในเดือนเม.ย.64 เพื่อพิจารณาอนุมัติการจำหน่ายทรัพย์สินของบริษัทและบริษัทย่อยจำนวน 39 รายการ ในราคารวมไม่ต่ำกว่า 3.83 พันล้านบาท เพื่อให้บริษัทมีสภาพคล่องทางการเงินที่เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันและอนาคต ตลอดจนลดภาระค่าใช้จ่ายและต้นทุนทางการเงิน รวมถึงเตรียมความพร้อมในการลงทุนในโครงการและทรัพย์สินที่มีศักยภาพในราคาที่เหมาะสมต่อไปในอนาคต

แหล่งข่าว กล่าวว่า การตัดขายสินทรัพย์บางส่วนดังกล่าว เป็นสินทรัพย์ที่บริษัทได้ลงทุนในช่วงที่ผ่านมาแต่ยังไม่มีการพัฒนาสร้างมูลค่าเพิ่มและผลตอบแทนให้กับบริษัท โดยเฉพาะที่ดินเปล่าในประเทศที่บริษัทถือครองไว้แต่ยังไม่สามารถนำมาพัฒนาได้ ส่วนธุรกิจโรงแรมได้พิจารณาขายโรงแรมที่เป็นสิทธิการเช่าที่บริษัทเข้าลงทุน

ทั้งนี้ หลังจากเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงแรมของบริษัททั้งในและต่างประเทศอย่างมาก โดยเฉพาะโรงแรมในยุโรปที่บริษัทได้เข้าลงทุนไปเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก ทำให้บริษัทพิจารณานำสิทธิการเช่าโรงแรมบางแห่งที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมากจากสถานการณ์โควิด-19 ขายออกไป เพื่อนำเงินมาเสริมสภาพคล่อง และคืนหนี้ ซึ่งขณะนี้ได้เจรจากับผู้ที่สนใจซื้อบ้างแล้วบางส่วน และจะทยอยมีความชัดเจนออกมาอีกครั้ง โดยคาดว่าจะได้เม็ดเงินจากการขายสินทรัพย์ครั้งนี้ราว 5 พันล้านบาท

อย่างไรก็ตามช่วงที่ผ่านมาแม้ว่าบริษัทจะลดค่าใช้จ่ายดำเนินงานลงไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอ ประกอบกับภาระหนี้ที่มีอยู่ทำให้ต้องมีภาระจ่ายดอกเบี้ยต่อเนื่อง ทำให้มีความจำเป็นต้องขายสินทรัพย์และสิทธิการเช่าโรงแรมเพื่อนำเงินมาใช้เป็นเงินหมุนเวียน และช่วยลดหนี้เพื่อลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ซึ่งเป็นไปตามแผนที่มุ่งเน้นการบริหารสภาพคล่องและลดค่าใช้จ่ายของธุรกิจเป็นหลัก เพื่อทำให้ธุรกิจยังสามารถดำเนินงานต่อไปได้

แหล่งข่าวฝ่ายบริหารสายการลงทุน บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส (BTS) กล่าวว่า. การขายสินทรัพย์ของ U ครั้งนี้เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและลดภาระหนี้ออกบางส่วน แทนที่จะรอสถานการณ์โควิดให้ดีขึ้น เพราะปัจจุบันมีต้นทุนสูงทั้งเรื่องค่าเช่าและดอกเบี้ย ส่วนบุคลากรได้ลดจำนวนไปจาก 4 พันกว่าคน เหลือ 2 พันกว่าคนแล้ว

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมผู้ถือหุ้นจะพิจารณาเรื่องดังกล่าวในเดือน เม.ย.64 ซึ่งกว่าที่ U จะทำการขายสินทรัพย์ได้คงต้องรอไปเป็นช่วงกลางปี 64 หรือหากสถานการณ์ดีขึ้นผู้ถือหุ้นอาจไม่อนุมัติให้ขายสินทรัพย์ก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นกับการตัดสินใจของผู้ถือหุ้น ดังนั้น ในปี 64 จึงอาจจะยังมีผลขาดทุนต่อเนื่องปีนี้หากไม่ได้ขายสินทรัพย์ดังกล่าว

แหล่งข่าว คาดว่า ในปี 65 ผลประกอบการของ U จะพลิกกลับมามีกำไร โดยขณะนี้ยังมีโรงแรมกว่า 40 แห่งในยุโรป ทั้งที่เยอรมัน โปแลนด์ และเช็กโกสโลวาเกีย โดยปัจจุบันเปิดให้บริการอยู่ราว 10 แห่ง

สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่ม BTS และ บมจ.แสนสิริ (SIRI) แหล่งข่าว กล่าวว่า ยังคงเป็นพันธมิตรกัน เพียงแต่ไม่ได้เป็น Partner Exclusive แล้ว โดยที่ผ่านมามีบริษัทร่วมทุนกันจำนวนมาก ถือหุ้นฝ่ายละ 50% บางแห่งก็โอนไปให้ SIRI บางแห่งก็โอนเป็นของกลุ่ม BTS เพื่อให้บริหารจัดการคล่องตัวมากขึ้น

ขณะเดียวกัน BTS มีพันธมิตรบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายอื่นเข้ามาเพิ่ม คือ NOBLE และ ANAN ซึ่งการมีพันธมิตร 2 ราย พร้อมกับ SIRI เพราะแต่ละบริษัทก็มีลูกค้าแตกต่างกัน

แหล่งข่าว กล่าวว่า U ยังมีที่ดินจำนวนมาก โดยปัจจุบันมีที่ดินทั่วประเทศ 855 ไร่ แบ่งเป็นในกรุงเทพและปริมณฑล 122 ไร่ ซึ่งส่วนหนึ่งอยู่ในทำเลใจกลางเมือง คือ สุขุมวิท นอกนั้นอยู่ที่คูคต 50 กว่าไร่ ราษฎร์บูรณะกว่า 27 ไร่ สุขสวัสดิ์ 16 ไร่ ส่วนในต่างจังหวัดมีอยู่ 733 ไร่

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ธ.ค. 63)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top