เซนต์เมด ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 54 ล้านหุ้นเข้า mai ใช้ลงทุน-คืนหนี้-เป็นทุนฯ

บมจ.เซนต์เมด (SMD) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและหนังสือชี้ชวน (Filling) ฉบับแรกต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 54,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 25.23% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมี บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

SMD ดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยบริษัทนำเข้าเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์จากผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ชั้นนำของโลก อาทิ สหรัฐอเมริกา เยอรมนี ออสเตรเลีย สวิสเซอร์แลนด์ และจีน เพื่อจัดจำหน่ายให้แก่สถานพยาบาลชั้นนำในประเทศ ทั้งโรงพยาบาลรัฐบาล โรงพยาบาลเอกชน โรงเรียนแพทย์ สถานพยาบาลเอกชน คลินิก และบุคคลทั่วไป

ปัจจุบัน เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่บริษัทจำหน่ายออกเป็น 6 กลุ่ม ตามลักษณะการใช้งาน ได้แก่ กลุ่มสินค้าด้านเวชบำบัดวิกฤต (Critical Care), กลุ่มสินค้าด้านการช่วยหายใจและเวชศาสตร์การนอนหลับ (Respiration), กลุ่มสินค้าด้านหทัยวิทยา (Cardiology), กลุ่มเครื่องมือแพทย์ทั่วไป (General Medical Device), กลุ่มสินค้าสมาร์ทฮอสพิทอล (Smart Hospital) และ กลุ่มอื่นๆ (Others) เป็นกลุ่มอุปกรณ์ประกอบการใช้งานเครื่องมือแพทย์ เช่น แบตเตอรี่ และเจล เป็นต้น

บริษัทมีเป้าหมายขยายกลุ่มสินค้าที่จัดจำหน่ายเพี่อรองรับรองรับฐานลูกค้าในอนาคต ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีกลยุทธ์หลัก คือ การขยายฐานลูกค้าในธุรกิจเครื่องมือแพทย์ที่บริษัทมีความรู้ความเชี่ยวชาญ แสวงหาโอกาสใหม่ๆ บนธุรกิจเครื่องมือแพทย์ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มลูกค้าเดิม และให้ความสำคัญกับการพัฒนาธุรกิจที่สามารถพัฒนาจากความเชี่ยวชาญที่บริษัทมีอยู่ และสามารถสร้างรายได้ให้บริษัทอย่างต่อเนื่องในอนาคต

ในอนาคตบริษัทมีโครงการสร้างศูนย์ตรวจการนอนหลับ (Sleep Lab) ร่วมกับโรงพยาบาลหลายแห่ง เพื่อเป็นการสร้างความเติบโตและการขยายธุรกิจในอนาคต เนื่องจากเล็งเห็นความตระหนักเกี่ยวกับอันตรายจากการนอนกรน และหยุดหายใจขณะหลับในกลุ่มบุคคลทั่วไปมีมากขึ้น และมีแผนลงทุนในเครื่องมือแพทย์ให้เช่ามากขึ้น โดยจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้น IPO มาใช้เป็นแหล่งเงินทุน

บริษัทมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 107,000,000 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญจำนวน 214,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยเป็นทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งสิ้น 80,000,000 บาท คิดเป็นจำนวน 160,000,000 หุ้น ทั้งนี้ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ บริษัทจะมีทุนที่เรียกชำระแล้วเต็มจำนวน

โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ ณ วันที่ 18 พ.ย.63 ประกอบด้วย กลุ่มครอบครัวคุณวิเศษพงษ์ ถือหุ้น 53,248,000 หุ้น คิดเป็น 33.28% หลังการเสนอขายหุ้น IPO แล้วจะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 24.88%, กลุ่มครอบครัววสุศุทธิกุลกานต์ ถือหุ้น 38,400,000 หุ้น คิดเป็น 24.00% จะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 17.94%, กลุ่มครอบครัวบุญประสิทธิ์ ถือหุ้น 38,400,000 หุ้น คิดเป็น 24.00% จะลดลงเหลือ 17.94% และ กลุ่มครอบครัวง่วนสำอางค์ ถือหุ้น 22,186,680 หุ้น คิดเป็น 13.87% จะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 10.37%

ผลประกอบการในช่วงปี 60-62 รายได้จากการขายและบริการเท่ากับ 468.73 ล้านบาท 506.03 ล้านบาท และ 618.63 ล้านบาท ตามลำดับ หรือเพิ่มขึ้น 7.96% ในปี 61 และ 22.25% ในปี 62 โดยรายได้หลักมาจากสินค้ากลุ่มเวชบำบัดวิกฤต (Critical Care) มีฐานลูกค้าหลัก คือ โรงพยาบาลรัฐบาล อัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 42.01%, 42.45% และ 41.52% ตามลำดับ อัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 7.36%, 6.03% และ 9.66% ตามลำดับ ทำให้มีกำไรสุทธิ เท่ากับ 32.34 ล้านบาท 30.52 ล้านบาท และ 60.44 ล้านบาท ตามลำดับ

ส่วนงวด 9 เดือนแรกของปี 63 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ 432.35 ล้านบาท กำไรสุทธิ 39.82 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 4.98 บาท อัตรากำไรขั้นต้น 43.21% อัตรากำไรสุทธิ 9.29% ณ วันที่ 30 ก.ย.63 บริษัทมีสินทรัพย์ 566.47 ล้านบาท หนี้สิน 302.26 ล้านบาท และมีส่วนผู้ถือหุ้น 264.21 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และทุนสำรองตามกฎหมายในแต่ละปี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ธ.ค. 63)

Tags: , , , , ,
Back to Top