BGRIM เซ็นสัญญาขายไฟให้ลูกค้าใหม่ในนิคมฯระยองเพิ่ม

นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) เปิดเผยว่า บริษัทยังเดินหน้าขยายฐานธุรกิจต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ทยอยเซ็นสัญญากับลูกค้ารายใหม่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง เพิ่มอีก 8 เมกะวัตต์ (MW) รวมมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 31 เมกะวัตต์ที่มีกำหนดการทยอยเข้าระบบในปีนี้

ยิ่งไปกว่านั้น จากจำนวนโรงงานทั้งหมดมากกว่า 1,500 ราย ในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ที่โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่เปิดดำเนินการแล้วกว่า 17 โครงการของ บี.กริม ตั้งอยู่นั้น ปัจจุบันมี 130 บริษัทที่เป็นลูกค้าของ บี.กริม แต่ยังมีโอกาสในการขยายฐานลูกค้าไปยังธุรกิจที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพอีกมาก อาทิ ธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ ปิโตรเคมี อุตสาหกรรมเหล็ก เป็นต้น ซึ่งบริษัทมีการสำรวจความต้องการในพื้นที่อย่างสม่าเสมอ

ส่วนผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกและการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้น บริษัทได้ติดตามสถานการณ์และปริมาณการใช้ไฟฟ้าของลูกค้าอย่างใกล้ชิด พบว่ายอดใช้ไฟฟ้าจากลูกค้าอุตสาหกรรมในเดือนมกราคมอยู่ในระดับคงที่ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ลูกค้าบางรายจะมีปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่ลดลงบ้างตามภาวะเศรษฐกิจก็ตาม

แต่ก็มีกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น เช่น กลุ่มบรรจุภัณฑ์ที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นถึง 20% จาก บมจ.เอ.เจ.พลาสท์ (AJ) และ บริษัท Universal Polybag กลุ่มผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศ และเครื่องใช้ในบ้าน ที่เพิ่มขึ้น 9% จากการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นของ บริษัท Toshiba Consumer Products (Thailand) และ บริษัท Toshiba Carrier (Thailand) และยังมีลูกค้ารายใหม่ในกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ บริษัท Tenma (Thailand) ซึ่งผลักดันให้หน่วยขายไฟฟ้าในกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นถึง 32% เป็นต้น

ในส่วนสถานการณ์ภัยแล้งนั้น บริษัทมีมาตรการบริหารจัดการน้ำเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากการใช้น้ำและอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำตามแนวทางความยั่งยืนมาโดยตลอด โดยน้ำส่วนใหญ่ที่ถูกนำมาใช้ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมมาจากน้ำที่ผ่านกระบวนการรีไซเคิล หรือจากการบำบัดน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม และได้มีการเพิ่มขั้นตอนการนำน้ำจากกระบวนการผลิตกลับมาใช้ใหม่เพื่อช่วยประหยัดทรัพยากรน้ำอีกด้วย บริษัทมีความมั่นใจว่าจะสามารถผลิตไฟฟ้าและไอน้ำที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้โดยไม่สะดุดตลอดทั้งปี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 มี.ค. 63)

Tags: , ,
Back to Top