หุ้นไทยปิดพุ่ง 14 จุด รับแรงซื้อกลับหลัง Valuation ถูก-ตลท.คุมชอร์ตเซล-เล็งเฟดทำ QE

  • ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,128.91 จุด เพิ่มขึ้น 14.00 จุด (+1.26%) มูลค่าการซื้อขาย 119,659.78 ล้านบาท
  • การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยวันนี้ผันผวนอย่างหนัก โดยในช่วงเช้าเปิดเทรดไม่นานร่วงไป 10% จนต้องใช้”เซอร์กิตเบรกเกอร์” และในช่วงบ่ายดัชนีฯเคลื่อนไหวในแดนบวกได้ดีขึ้นหลังจากตลาดหลักทรัพย์คุมเข้มชอร์ตเซล โดยทำระดับสูงสุด 1,164.16 จุด และทำระดับต่ำสุด 969.08 จุด
  • ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 676 หลักทรัพย์ ลดลง 742 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 378 หลักทรัพย์

นายสุโชติ ถิรวรรณรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นเอเชียในช่วงเช้าต่างติดลบกันหมด จากความกังวลการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ลุกลาม หลังจากที่ฟิลิปปินส์ปิดกรุงมะนิลา ทำให้ตลาดภูมิภาคปรับตัวลงแรง และตลาดหุ้นไทยร่วง 10% เกือบในทันทีที่เปิดทำการจนต้องใช้”เซอร์กิตเบรกเกอร์”อีกรอบ ต่อมาหลังเปิดให้ซื้อขายอีกครั้งก็มีแรงซื้อกลับเข้ามา มองว่าเป็นผลจาก 3 ปัจจัย คือ 1. Valuation ถูกเมื่อดัชนีฯลงมาต่ำกว่า 1,000 จุด 2. เริ่มมีกระแสข่าวว่าตลาดหลักทรัพย์จะคุมชอร์ตเซลก่อนจะประกาศใช้ในช่วงบ่ายวันนี้ ทำให้มีแรงซื้อกลับหุ้นในกลุ่ม SET100 ที่ได้ปรับตัวลงไปมาก

นอกจากนั้น 3. มีข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) พร้อมจะทำ QE อีกรอบ ส่งผลให้ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สในช่วงบ่ายปรับตัวขึ้นมาบวกได้ 3% และหุ้นไทยก็ฟื้นตัวขึ้นในช่วงบ่ายด้วยเช่นกัน

แต่ทั้งนี้ การปรับขึ้นของดัชนีฯเริ่มชะลอเมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายภาคบ่าย มองว่าเป็นเพราะนักลงทุนคงเลือกที่จะ Wait & See เพราะการดีดขึ้นของดัชนีฯท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังไม่เป็นบวก แม้ว่าธนาคารกลางของหลายประเทศจะมีการอัดฉีดสภาพคล่อง แต่ก็เป็นแค่การบรรเทา ไม่ใช่การแก้ปัญหาด้านสาธารณสุขเพื่อขจัดไวรัสโควิด-19 ดังนั้นตลาดฯจึงลดแรงซื้อกลับ และวันนี้ก็เป็นวันทำการสุดท้ายของสัปดาห์ นักลงทุนจึงต้องการรอดูสถานการณ์ทั้งในประเทศและนอกประเทศในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ก่อน

ขณะที่ยังมีความกังวลว่าประเทศไทยจะเข้าสู่ระยะ 3 ของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อถึงจุดนั้นก็อาจจะทำให้การบริโภคและการท่องเที่ยวหยุดชะงัก ดังนั้น เมื่อดัชนีฯอยู่แถว 1,100 จุดจึงเริ่มหยุดซื้อ เพื่อรอติดตามสถานการณ์วันต่อวัน แต่ Downside ตลาดฯมีไม่มากแล้ว คงจะต้องขอข่าวบวกเรื่องการแก้ปัญหาด้านสาธารณสุขให้ได้ก่อน

แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า นายสุโชติ กล่าวว่า ตลาดฯ คงจะแกว่งไซด์เวย์ออกด้านข้าง ซึ่งโอกาสที่ดัชนีฯจะลงต่ำกว่าระดับ 1,000 จุดมีไม่มากนัก พร้อมให้แนวรับ 1,100-1,050 จุด ส่วนแนวต้าน 1,150-1,200 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
BAM มูลค่าการซื้อขาย 15,064.25 ล้านบาท ปิดที่ 18.10 บาท ลดลง 2.20 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 10,323.89 ล้านบาท ปิดที่ 28.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 7,219.44 ล้านบาท ปิดที่ 56.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.75 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 6,295.83 ล้านบาท ปิดที่ 61.75 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
GULF มูลค่าการซื้อขาย 5,295.72 ล้านบาท ปิดที่ 135.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 มี.ค. 63)

Tags: , , ,
Back to Top