ผบ.ตร. สั่งเพิ่มมาตรการควบคุมการเดินทางข้ามจังหวัด-จับกุมลักลอบเข้าเมือง

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงไปขับเคลื่อนอย่างจริงจังตามที่รัฐบาลและศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้มีการประชุมและมีมติเพิ่มเติมมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จังหวัดที่มีโรงงานอุตสาหกรรม พื้นที่ตามเส้นทางระหว่างแนวชายแดนและพื้นที่ตอนในเพื่อควบคุมการเคลื่อนย้ายแรงงานและเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ

ทั้งนี้ได้กำชับทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องทุกพื้นที่ให้พิจารณาจัดตั้งจุดตรวจ/ด่านตรวจร่วม และจัดชุดสายตรวจร่วม เพื่อเพิ่มมาตรการในการควบคุมโรคโควิด-19 ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดในจังหวัดที่มีโรงงานอุตสาหกรรม การคมนาคม พื้นที่ตามเส้นทางระหว่างแนวชายแดนและพื้นที่ตอนใน เพื่อควบคุมการเคลื่อนย้ายแรงงาน และเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงต่างๆ พร้อมประสานงานกับหน่วยร่วมปฏิบัติในพื้นที่ จัดชุดปฏิบัติการออกตรวจสอบจุดที่สุ่มเสี่ยง หรือสถานที่แออัด ตามที่ ศบค. ได้กำหนด ให้คำแนะนำกับประชาชน กลุ่มแรงงานในมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของ โควิด-19 พร้อมปฎิบัติตามมาตราการทางสาธารณสุข ,พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ และประกาศคำสั่งของจังหวัดในพื้นที่ต่างๆ

อีกทั้งให้มีมาตรการเข้มในการกวดขันจับกุมการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองตามช่องทางธรรมชาติ การนำพา การให้ความช่วยเหลือบุคคลต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย พร้อมขยายผลดำเนินคดีถึงเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ตามพื้นที่ชายแดนทั่วประเทศโดยเฉพาะช่องทางธรรมชาติ พร้อมตั้งจุดตรวจ จุดสกัดกั้นเส้นทาง เพื่อป้องกันการลักลอบเข้ามาสู่พื้นที่ชั้นใน

พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวต่ออีกว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้กำชับให้ตำรวจทุกพื้นที่ประสานงานกับหน่วยร่วมปฎิบัติอย่างจริงจังออกตรวจสอบควบคุมการเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามจังหวัด โรงงานอุตสาหกรรม แคมป์แรงงาน สถานประกอบการ สถานบันเทิง แหล่งมั่วสุมที่สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อไวรัส และคงมาตรการเข้มในการป้องกันการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองตามช่องทางธรรมชาติ สกัดกั้นการลักลอบเข้ามาพื้นที่ชั้นใน ทำการจับกุมพร้อมขยายผลถึงเครือข่ายที่เกี่ยวข้องและดำเนินคดีให้ถึงที่สุด หากมีการปล่อยปละละเลย ก็จะพิจารณาความบกพร่องทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาดต่อไป

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 มิ.ย. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top