นครซิดนีย์ของออสเตรเลียพบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาเพิ่มอีก 239 รายในวันนี้ และเป็นตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันสูงที่สุดนับตั้งแต่โรคโควิด-19 เริ่มระบาด ส่งผลให้ทางการสั่งเพิ่มอำนาจให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถสั่งปิดธุรกิจที่ฝ่าฝืนมาตรการล็อกดาวน์ได้
ทั้งนี้ ประชาชนมากกว่า 2 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ 8 จุดของเมืองซิดนีย์ที่มีโควิด-19 ระบาดในอัตราสูงจะต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่นอกอาคาร และออกนอกที่พักอาศัยได้ไม่เกินรัศมี 5 กม. (3 ไมล์)
ปัจจุบัน เมืองซิดนีย์อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์เป็นสัปดาห์ที่ 5 จากทั้งหมด 9 สัปดาห์ ซึ่งมีกำหนดไปจนถึงวันที่ 28 ส.ค. ขณะที่การระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตายังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
นางแกลดิส เบรีจิเกลียน ผู้ว่าการรัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลียให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า “มีคนเพียงส่วนน้อยหรือไม่กี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ทำผิดกฎ ซึ่งจะสร้างความเสียหายตามมาที่เราไม่อาจแบกรับได้”
ทั้งนี้ ผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่พบในออสเตรเลียนั้นส่วนใหญ่อยู่ในซิดนีย์ โดยมีอย่างน้อย 66 รายที่ออกมาในชุมชนในขณะที่ติดเชื้อโควิด-19 แล้ว โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าเมืองซิดนีย์จะยังคงอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ต่อไป จนกว่ายอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในชุมชนจะลดลงใกล้ระดับศูนย์
รัฐนิวเซาท์เวลส์รายงานว่าพบผู้ติดเชื้อ 177 รายเมื่อวานนี้
เมืองซิดนีย์ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ราว 1 ใน 5 ของออสเตรเลียพยายามควบคุมสถานการณ์การระบาดครั้งรุนแรงที่สุดของปีนี้ โดยเมื่อวานนี้ เมืองซิดนีย์ได้ขยายเวลาล็อกดาวน์ไปจนถึงวันที่ 28 ส.ค.จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในวันที่ 31 ก.ค.นี้ หลังจากมาตรการสั่งให้ประชาชนอยู่กับบ้านนั้นไม่สามารถยับยั้งการแพร่ระบาดได้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ก.ค. 64)
Tags: COVID-19, ซิดนีย์, ล็อกดาวน์, ออสเตรเลีย, แกลดิส เบรีจิเกลียน, โควิด-19