แนวโน้มหุ้นไทยเช้าฟื้นตามเอเชียหลังแรงขายต่างชาติชะลอ,เล็ง Domestic play ฟื้น

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ฟื้นตามตลาดเอเชีย หลังดัชนีฯยืนเหนือ 1,540 ได้เป็นสัญญาณบวก-ได้แรงหนุนจากแรงชายต่างชาติชะลอ-กองทุนซื้อมากขึ้น-เงินบาทวันนี้กลับมาแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย-งบฯส่วนใหญ่ที่ออกมาดีกว่าคาด-จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศทยอยลดลง ส่งผลให้ Domestic play เริ่มฟื้น และกลุ่มปิโตรฯ-โรงกลั่นน่าจะได้แรงหนุนจากสเปรดปิโตรฯ-ค่าการกลั่นฟื้นตัวขึ้นด้วย พร้อมให้แนวรับ 1,533 แนวต้าน 1,550 จุด

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นได้ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้เคลื่อนไหวในแดนบวกกัน หลังจากที่ดัชนีฯได้ยืนเหนือระดับ 1,540 จุดขึ้นไปได้ ทำให้เริ่มสัญญาณเริ่มเป็นบวก และยังได้แรงหนุนจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่ชะลอลงหลังจากที่สัปดาห์ที่แล้วต่างชาติขายราว 8 พันล้านบาท และกองทุนก็ซื้อมากขึ้นในช่วงนี้ และเงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยในวันนี้ ทำให้แรงขายนักลงทุนต่างชาติน่าจะชะลอได้

นอกจากนี้ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 2/64 ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด รวมถึงจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศรายวันทยอยลดลง ซึ่งขณะนี้ได้อยู่ในระดับต่ำกว่า 2 หมื่นรายต่อวัน มา 3 วันแล้ว ซึ่งส่วนหนึ่งาอาจเริ่มเห็นผลจากมาตรการล็อกดาวน์ ส่งผลให้หุ้น Domestic play เริ่มเห็นการฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อวานนี้ และวันนี้ก็น่าจะมีแรงซื้อเข้ามาต่อเนื่องในหุ้นกลุ่มโรงแรม, ท่องเที่ยว, ค้าปลีก เป็นต้น ส่วนหุ้นในกลุ่มปิโตรเคมี และกลุ่มโรงกลั่น น่าจะได้รับแรงหนุนจากสเปรดปิโตรฯและค่าการกลั่นที่ฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่ราคาน้ำมันได้ปรับตัวลงแรงทำให้ต้นทุนปิโตรเคมีลดลง

อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศ และต่างประเทศ, การทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน, MSCI Quarterly review ซึ่งจะประกาศในวันที่ 11 ส.ค. และวันนี้ให้ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าจะมีมาตรการภาครัฐฯออกมาเพิ่มเติมหรือไม่ รวมถึงติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศสำคัญ

พร้อมให้แนวรับ 1,533 จุด ส่วนแนวต้าน 1,550 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (9 ส.ค.)ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,101.85 จุด ลดลง 106.66 จุด หรือ -0.30% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,432.35 จุด ลดลง 4.17 จุด หรือ -0.09% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,860.18 จุด เพิ่มขึ้น 24.42 จุด หรือ +0.16%
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 5.97 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 66.99 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 173.21 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (9 ส.ค.) 1,540.19 จุด เพิ่มขึ้น 18.47 จุด (+1.21%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 426.45 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 ส.ค.64
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (9 ส.ค.) ปิด 66.48 ดอลลาร์/บาร์เรลร่ วงลง 1.80 ดอลลาร์ หรือ 2.6%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (9 ส.ค.) อยู่ที่ 3.60 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 33.45/46 แนวโน้มอ่อนค่า ตลาดรอตัวเลขเศรษฐกิจตปท. คาดกรอบวันนี้ 33.38-33.51
  • ดัชนีโมเดิร์นเทรดไตรมาส 2 ร่วงต่ำสุดในรอบ 3 ปี จากวิกฤตโควิด-19 เผยยอดขายปลีกหายไปแล้วกว่า 2.7 แสนล้านบาท คาดไตรมาส 3 ยังไม่เห็นสถานการณ์ดีขึ้น ห่วงคลัสเตอร์โรงงานกระทบซัปพลายเชน กลุ่มค้าปลีกขอรัฐช่วยเพิ่มสภาพคล่อง เปิดโอกาสเอสเอ็มอีเข้าถึงคนละครึ่ง ลดภาษีนิติบุคคล และช่วยค่าสาธารณูปโภค
  • บีโอไอเผยการลงทุนครึ่งปีแรกของปี 64 คำขอมูลค่ากว่า 3.8 แสนล้านบาท กิจการพลังงานไฟฟ้าแรงสุด 1.2 แสนล้านบาท ชี้ลงทุนตรงจากต่างประเทศ หรือเอฟดีไอ เติบโต 280% หรือ 3.8 เท่า ญี่ปุ่นครองอันดับหนึ่ง
  • ส.อ.ท.โอดดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ ต่ำสุดใน 14 เดือน รับโควิด-19 พ่นพิษยาว ด้าน กกร.เตรียมร่อนหนังสือถึงนายกฯ ชงแนวทางแก้ปัญหาโควิด “สุพันธุ์” มั่นใจธนาคารไทยแข็งแรง ไม่หวั่นปรับลดคุ้มครองเงินฝาก
  • ธุรกิจโรงแรมช้ำหนัก “แบงก์ชาติ” แจงผลสำรวจ ก.ค.2564 พบอัตราเข้าพักยังต่ำ เปิดรับต่างชาติเที่ยวไทยยังไร้ผล 58% สภาพคล่องลดฮวบ 23% แบกธุรกิจได้แค่ 1 เดือน วอนรัฐเร่งจัดหากระจายวัคซีน, พักเงินต้น-ดอกเบี้ย และสนับสนุนค่าจ้างพนักงาน
  • ค้าปลีกเจ็บหนัก ล็อกดาวน์ 29 จังหวัด ฉุดยอดขายเหลือแค่ 10-20% ยื่นข้อเสนอรัฐช่วยเหลือด่วน ต่อลมหายใจธุรกิจประคองจ้างงาน ขณะที่ สศก.ชี้โควิด-19 ระบาดรอบ 3 ตั้งแต่เดือน เม.ย.-ส.ค.64 ทำบริโภคสินค้าเกษตร ลดลง 13,895 ล้านบาท สวนผักกระทบสูงสุด

หุ้นเด่นวันนี้

  • TMT (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า IAA Consensus 12.5 บาท ดักเก็งกำไรก่อนประกาศงบตลาดคาดกำไรสุทธิ Q2/64 โตแรง yoy จากราคาเหล็กที่สูงขึ้น และคาดว่าจะจ่ายปันผลระหว่างกาลประมาณ 0.5 บาทต่อหุ้นให้ Dividend yield สูงถึง 4.6%
  • QH (ทรีนีตี้) “ซื้อ”เป้า 2.78 บาท อิงผลประกอบการปี 2564 มองว่า QH ยังสามารถรักษาระดับ Gross Margin ที่ราว 31%-33% ได้ และได้ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ 0.03 บาท XD วันที่ 23 ส.ค. 2564
  • EKH (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 9.20 บาท ประกาศกำไร Q2/64 วันนี้มีโอกาสดีกว่าคาดที่ +41% Q-Q และพลิกจากขาดทุนปีก่อน หนุนจากโควิดระลอก 3 ทั้งรายได้-Margin เติบโต ส่วนโมเมนตัมกำไร Q3/64 คาดยังเร่งตัว New High ต่อเนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อสูงขึ้น และขยายเตียงทั้งรพ.สนามและ Hospitel คาดกำไรปี 64-65 ขึ้นเป็น +128% Y-Y และ +2% Y-Y ตามลำดับ
  • ADB (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 2.90 บาท กำไร Q2/64 โต 314%YoY ที่ 36 ลบ. ประเมินปี 64 ธุรกิจพลาสติก Compound โดดเด่น ด้านพลาสติก Compound เกรดการแพทย์จะมีสัดส่วนต่อยอดขายเพิ่มขึ้น หนุนมาร์จิ้น โดยคาดทิศทางกำไรปี 64 จะดีขึ้นแบบก้าวกระโดดจากทั้งรายได้, ต้นทุนที่ลดลงตามการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และ U-Rate ที่เพิ่มขึ้นตาม Order ส่วน Outlook ใน 2-3 ปีข้างหน้าสดใส คาด “ไบโอพลาสติก” สินค้าใหม่ที่กำลังพัฒนาจะเป็นสินค้าเด่นในอนาคตตามกระแสรักษ์โลก

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ส.ค. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top