XPG ปักธงก้าวสู่ Digital Financial Service หวังโตก้าวกระโดดคาดดันกำไรปีนี้ทะลุ 100 ลบ.

บมจ.เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (XPG) ประกาศรุกธุรกิจครั้งใหญ่สู่การเป็น Digital Financial Service ผู้ให้บริการทางการเงินครบวงจร ที่จะเปลี่ยนโลกธุรกิจการเงินเดิมๆ สู่นวัตกรรมการเงิน ด้วยการต่อยอดความเชี่ยวชาญ ผนวกเข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัล เชื่อมโยงโลกการเงินปัจจุบันและโลกบริการการเงินดิจิทัลอนาคตเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงโลกการเงินและการลงทุนได้สะดวกและง่ายดาย ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นไม่สูง รวมทั้งสามารถเปิดรับข้อมูลการลงทุนได้อย่างครอบคลุม โปร่งใส และน่าเชื่อถือ ซึ่งนับเป็นธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตสูงในตลาดโลก

นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานกรรมการ XPG เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 65 คาดว่าจะเห็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากการที่ธุรกิจในเครือของบริษัทจะเดินหน้าการดำเนินงานอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะธุรกิจใหม่ที่เริ่มเตรียมความพร้อมตั้งแต่ปีนี้ ประกอบกับการที่ได้รับเงินเพิ่มทุนมูลค่า 7.11 พันล้านบาทเข้ามา เป็นอีกปัจจัยที่สำคัญที่ช่วยเสริมศักยภาพให้กับบริษัทในการขับเคลื่อนธุรกิจในเครือได้เป็นอย่างดี

“การที่เราได้เงินเพิ่มทุนมาเสริมเงินลงทุนในปีนี้ ถือว่ามีความสำคัญกับธุรกิจของเราในอนาคตมาก ธุรกิจจะสำเร็จไม่ได้หากปราศจากเงินทุนที่แข็งแกร่ง ซึ่งการที่เราเพิ่มทุนมาจนมีทุนแตะ 1 หมื่นล้านบาท ช่วยให้เราสามารถขยายธุรกิจได้มากขึ้น ปลดล็อกข้อจำกัดของธุรกิจ และสามารถก้าวเติบโตต่อไปได้ ผมเชื่อว่าปีหน้าจะเห็นผลงานที่เติบโตขึ้นอย่างมาก และจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัท”นายระเฑียร กล่าว

การขับเคลื่อนธุรกิจในปี 65 จะมีปัจจัยหนุนส่วนหนึ่งมาจากธุรกิจบริหารจัดการกองทุน (บลจ.) ของบริษัทที่จะมีการขยายฐานลูกค้าและการอองกองทุนต่างๆออกมามากขึ้น เพื่อทำให้มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ของธุรกิจ บลจ.เพิ่มขึ้นไปแตะระดับ 1 หมื่นล้านบาทในช่วงต้นปี 65 ซึ่งเป็นจุดคุ้มทุน และจะเริ่มเห็นกำไรจากธุรกิจดังกล่าวเข้ามาช่วยหนุนผลการดำเนินงานจากปัจจุบันที่ยังขาดทุนอยู่ และทางทีมผู้บริหารอยู่ระหว่างการเตรียมทีมงานเพื่อรุกธุรกิจ บลจ.มากขึ้นในช่วงไตรมาส 4/64 เป็นต้นไป

ขณะที่ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (Brokerage) และธุรกิจวาณิชธนกิจ (IB) ภายใต้การดำเนินงานของ บล.กรุงไทย ซีมิโก้ ซึ่งบริษัทและธนาคารกรุงไทย (KTB) ร่วมทุนในสัดส่วน 50 : 50 ยังเป็นธุรกิจที่สร้างกำไรเข้ามาให้กับบริษัทที่ดีมาต่อเนื่อง จากปัจจุบันที่ตลาดหุ้นไทยมีมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น และบล.กรุงไทยซีมิโก้ มีส่วนแบ่งตลาด (Market share) สูงถึง 13-15% ประกอบกับมีงาน IB ต่างๆ ต่อเนื่อง ซึ่งธุรกิจดังกล่าวยังเป็นปัจจัยหนุนหลักให้กับภาพรวมของผลการดำเนินงาน

นายระเฑียร กล่าวอีกว่า ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลในปี 65 คาดว่าจะเห็นบริการต่างๆออกมามากขึ้น หลังจากบริษัทคาดว่าจะได้รับใบอนุญาตจากที่ยื่นขอต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปี 65 ซึ่งจะเข้ามาเสริมบริการของธุรกิจด้านสินทรัพย์ดิจิทัลของบริษัทให้มีความหลากหลายมากขึ้น

ประกอบกับในปีหน้าบริษัทยังคงเดินหน้าในการออก ICO ให้กับกลุ่มลูกค้าที่สนใจเข้ามาปรึกษา ซึ่งอยู่ระหว่างการทำดีลร่วมกับบริษัทจำนวนหนึ่งหลังจากการออก SIRI HUB Token ก็จะเป็น Utility Token ที่เตรียมเปิดตัวเป็นครั้งแรกในวงการเอนเตอร์เทนเมนต์และ EV Charging Ecosystem ของประเทศไทย ซึ่งเป็นความร่วมมือกับ ชาร์จ แมเนจเม้นท์ (SHARGE) ผู้ให้บริการเบอร์หนึ่งด้านการให้บริการชาร์จรถ EV ครบวงจร ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมการคาดว่าจะเสนอขายในช่วงปลายปี 64

สำหรับการเสนอขาย SIRI HUB Token ซึ่งปัจจุบันได้มีการแจ้งรายละเอียดให้นักลงทุนได้พิจารณาลงทุน 2 ทางเลือก แบ่งเป็น SIRI HUB Token Class A มูลค่า 1,600 ล้านบาท ผลตอบแทน 4.5% ต่อปี และ SIRI HUB Token Class B มูลค่า 800 ล้านบาท ผลตอบแทน 8% ต่อปี คาดว่าจะเปิดขายช่วงต้นเดือน ก.ย. 64 ราคาเสนอขาย 10 บาท/โทเคน คาดว่านักลงทุนจะให้การตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่มีความคุ้มค่า หากนักลงทุนไม่อยากรับความเสี่ยงมากสามารถลงทุนใน Class A เมื่อครบกำหนด 4 ปีขายคืนก็จะได้รับเงินลงทุนครบ แต่หากนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้มากขึ้น และต้องการผลตอบแทนที่สูง สามารถลงทุนใน Class B ได้

“ธุรกิจของ XPG ถือเป็นสะพานเชื่อมระหว่าง Traditional Finance กับ Digital Finance ซึ่งสามารถผนวกเข้าด้วยกัน ผมมองว่าทั้ง 2 อย่างสามารถนำมารวมกันต่อยอดการเติบโตให้ธุรกิจได้ ซึ่งเราเห็นโอกาสอีกมากในโลกของการเงิน โดยเฉพาะ Digital Finance ที่ยังมีอีกหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นมาใหม่”นายระเฑียร กล่าว

ส่วนแนวโน้มของผลการดำเนินงานในปี 64 คาดว่าจะเห็นกำไรเพิ่มขึ้นมาแตะระดับตัวเลข 3 หลักเป็นครั้งแรก จากที่ครึ่งปีแรกบริษัทมีกำไรสุทธิแล้วเกือบ 65 ล้านบาท โดยปัจจัยที่หนุนผลงานในปีนี้มาจากธุรกิจ Brokerage และ IB ที่ยังทำผลงานเข้ามาจากรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเข้ามาในระดับที่ดีมาต่อเนื่อง

ประกอบกับธุรกิจบริหารสินทรัพย์ เอ็กซ์สปริง เอ เอ็ม ซี จำกัด (XSpring AMC) บริษัทย่อยของเอ็กซ์สปริง แคปปิตอล ได้ร่วมมือกับบมจ.แสนสิริ (SIRI) ในการร่วมลงทุนในกองสินทรัพย์ที่ประกอบด้วยลูกหนี้สิทธิเรียกร้องตามสัญญาสินเชื่อเพื่อการพาณิชย์และพักอาศัย และสัญญาหลักประกันซึ่งประกอบไปด้วยที่ดิน ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างในกรุงเทพฯ และปริมณฑล (NPL) เพื่อนำมาบริหารสินทรัพย์ต่อยอดธุรกิจ จะเข้ามาช่วยสร้างรายได้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ และหนุนการเติบโตในระยะยาว

นายระเฑียร ระบุว่า ความสำเร็จของ XPG มาจาก 3 จุดแข็ง ภายหลังการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ คือ พันธมิตร ที่มีเงินทุนที่แข็งแกร่ง และการมี 17 Licenses ในมือ โดยมีเป้าหมายที่จะรุกธุรกิจให้เติบโตด้วยบทบาทของการเป็นผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาด้านการลงทุน การใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศทางธุรกิจของเอ็กซ์สปริง เพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัทหลักทรัพย์ การมุ่งเน้นหุ้นขนาดกลาง (Mid-cap) เป็นหลัก การบริการครบวงจรสำหรับตลาดทุนและโซลูชันในการขายโทเคนดิจิทัล (ICO) การยกระดับความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อขยายธุรกิจ และการสร้างความแข็งแกร่งให้กับทุนมนุษย์ (Human Capital) และบริษัทจะพัฒนาต่อยอดในอนาคต ด้วยการพัฒนาประสิทธิภาพในการบริหารสินทรัพย์ (AM) และการลงทุนในบริษัทที่อยู่นอกตลาด (PE) เพื่อดึงดูดกลุ่มมั่งคั่งที่มีจำนวนมากขึ้น ตลอดจนลงทุนในแพลตฟอร์มดิจิทัลใหม่ๆ เพื่อเสนอขายสินทรัพย์ดิจิทัลในรูปแบบใหม่อีกด้วย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ส.ค. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top