สหรัฐจับมือสายการบินพาณิชย์ หวังเร่งย้ายพลเมืองจากอัฟกานิสถานกลับบ้าน

กระทรวงกลาโหมสหรัฐ หรือเพนตากอน เปิดเผยว่า สหรัฐได้ขอความช่วยเหลือจากสายการบินพาณิชย์ 6 ราย เพื่อเร่งย้ายพลเมืองกลับบ้าน โดยทางการสหรัฐจะอพยพพลเมืองสหรัฐและชาวอัฟกันบางส่วนออกจากอัฟกานิสถานก่อน ซึ่งเครื่องบินจะแล่นลงประเทศที่สาม เช่น กาตาร์และเยอรมนี จากนั้นสายการบินเหล่านี้จะรับหน้าที่ขนย้ายคนกลุ่มนี้กลับสหรัฐหรือไม่ก็ประเทศที่สาม

เพนตากอนเปิดเผยว่า สายการบินพาณิชย์เหล่านี้ได้ประกาศส่งเครื่องบินช่วยเหลือ 18 ลำ โดยครั้งล่าสุดที่สหรัฐดำเนินการเช่นนี้คือเมื่อสมัยสงครามอิรักในปี 2546

สายการบินที่ให้ความช่วยเหลือนั้น ประกอบด้วยยูไนเต็ดแอร์ไลน์ อเมริกันแอร์ไลน์ เดลตาแอร์ แอตลาสแอร์ ออมนิแอร์ และฮาวายเอียนแอร์ไลน์

สายการบินอเมริกันแอร์ไลน์และเดลตาแอร์มีแผนให้บริการเที่ยวบินช่วยเหลือในวันนี้ โดยแถลงการณ์จากสายการบินอเมริกันแอร์ไลน์ระบุว่า ทางสายการบิน “ภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่ช่วยเหลือกองทัพสหรัฐในการปฏิบัติภารกิจกู้ภัยทางมนุษยธรรมและทางการทูตในครั้งนี้ โดยภาพถ่ายจากอัฟกานิสถานนั้นทำให้รู้สึกปวดใจมาก”

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า แนวคิดในการร่วมมือกับสายการบินพาณิชย์เพื่อช่วยขนย้ายพลเมืองกลับประเทศนั้นมีขึ้นหลังสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ขณะที่สายการบินพาณิชย์ทั้ง 6 รายนี้ยินดีเข้าร่วมโครงการนี้เอง

ทั้งนี้ สนามบินนานาชาติคาบูลมีผู้คนรออยู่ภายนอกพื้นที่เป็นจำนวนกว่าหลายพันคน โดยหวังว่าจะได้รับการอพยพในขณะที่กลุ่มตาลีบันไล่ต้อนฝูงชนให้กลับไป

ปธน.ไบเดน ให้คำมั่นที่จะดำเนินการอพยพชาวอเมริกันและชาติอื่นๆ ออกจากอัฟกานิสถานซึ่งได้ถูกกลุ่มตาลีบันเข้าควบคุม โดยระบุว่าเป็นภารกิจที่ยากที่สุดภารกิจหนึ่งในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ

ปธน.ไบเดนกล่าวที่ทำเนียบขาวในวันศุกร์ (20 ส.ค.) ว่า สหรัฐได้อพยพผู้คนราว 13,000 คนออกจากอัฟกานิสถานแล้วนับตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการอพยพเมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา

“นี่เป็นภารกิจการอพยพประชาชนทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดและยากลำบากที่สุดในประวัติศาสตร์” เขากล่าว “และประเทศเดียวในโลกที่สามารถทำได้ก็คือสหรัฐอเมริกา”

อย่างไรก็ตาม ขณะให้คำมั่นว่าจะอพยพชาวอเมริกัน หุ้นส่วน และชาวอัฟกันทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของสหรัฐในอัฟกานิสถานอย่างปลอดภัยนั้น ปธน.ไบเดนได้ปฏิเสธที่จะระบุว่า สหรัฐมีแผนการที่จะอพยพประชาชนมากเท่าใดออกจากอัฟกานิสถาน

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ส.ค. 64)

Tags: , , ,
Back to Top