TWPC คาดต้นทุนวัตถุดิบสูง-โควิดกดผลงาน H2/64 แต่ผลงานทั้งปียังทุบสถิติ

นางอรอนงค์ วิชชุชาญ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บมจ.ไทยวา (TWPC) เปิดเผยว่า ทิศทางผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกที่มีรายได้รวมจากการขายอยู่ที่ 4,415.81 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 203.22 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ประเทศเวียดนามที่มีสัดส่วนรายได้กว่า 20% เริ่มมีการแพร่ระบาดที่รุนแรงมากขึ้นเช่นกัน

ขณะเดียวกันช่วงครึ่งหลังปีนี้บริษัทจะมีการรับรู้ต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น จากการล็อกต้นทุนเดิมในสต็อกหมดลงในไตรมาส 2/64 โดยราคาวัตถุดิบในไตรมาส 3/64 เป็นราคาปกติที่ซื้อตามราคาตลาด ประกอบกับปัจจัยฝนที่ตกหนักตลอดช่วงเดือน ส.ค. และอาจต่อเนื่องในเดือน ก.ย. ทำให้ปริมาณหัวมันสำปะหลังออกสู่ตลาดลดลง โดยคาดว่าราคาหัวมันฯในประเทศจะเฉลี่ยอยู่ที่ 2.25-2.55 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ราคาแป้งข้าวโพดในตลาดจีนคาดจะยังคงทรงตัวในระดับที่สูงรา 3,150-3,250 หยวน/ตัน

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานภาพรวมในปี 64 บริษัทคาดว่าทั้งในส่วนของรายได้จากการขายและกำไรสุทธิจะสามารถติบโตทำสถิติใหม่ในรอบ 3 ปี (61-63) ได้ เนื่องจากกำไรสุทธิในช่วง 6 เดือนแรกอยู่ที่ 203.22 ล้านบาท สูงกว่ากำไรสุทธิทั้งปี 61 ที่อยู่ในระดับ 196.86 ล้านบาท, ปี 62 กำไรสุทธิที่ 68.04 ล้านบาท และในปี 63 ที่ 38.27 ล้านบาท แม้ว่าต้นทุนวัตถุดิบจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังทำให้มาร์จิ้นปรับตัวลดลง แต่ทั้งปียังสามารถเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ

ในช่วงครึ่งหลังปีนี้บริษัทยังคงมีออเดอร์ในมือรอการทยอยส่งมอบ (Baacklog) อีกกว่า 60,000 ตัน ซึ่งส่วนใหญ่จะทยอยส่งมอบและรับรู้เป็นรายได้ในช่วงไตรมาส 3/64 และมีบางส่วนในช่วงต้นไตรมาส 4/64 ส่งผลให้คาดว่าปริมาณการขายในไตรมาส 3/64 จะทรงตัวใกล้เคียงกับไตรมาส 2/64 ที่ทำได้ราว 2,214 ล้านบาท

“ผลประกอบการรวมทั้งปีจะสามารถทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 3 ปี ได้อย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามเรายอมรับว่ามีผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง และราคาวัตถุดิบที่กลับมาเท่ากับราคาตลาดทำให้การทำกำไรอาจจะต่ำลงบ้าง เราก็ได้เน้นการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีเพื่อที่รักษาระดับการทำกำไรให้ใกล้เคียงกับช่วงครึ่งปีแรกได้”

นางอรอนงค์ กล่าว

นางอรอนงค์ กลาวว่า บริษัทยังคงศึกษาดีลเข้าซื้อกิจการ (M&A) อย่างต่อเนื่อง แต่คงต้องใช้ระยะเวลาศึกษาเพื่อให้คุ้มค่าแก่การลงทุนมากที่สุด หากมีความคืบหน้าจะมีการแจ้งแก่นักลงทุนต่อไป

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ก.ย. 64)

Tags: , , ,
Back to Top