IP ปรับเพิ่มเป้ารายได้ปีนี้ หลังมั่นใจผลงาน H2/64 โตจากออกสินค้าใหม่-รายได้ OEMหนุน

นายตฤณวรรธน์ ธนิตนิธิพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อินเตอร์ ฟาร์มา (IP) เปิดเผยว่า บริษัทปรับเป้ารายได้ปีนี้เป็น 850-900 ล้านบาท จากเดิมตั้งไว้ที่ 750-800 ล้านบาท โดยช่วงครึ่งปีแรกสามารถสร้างรายได้ไปแล้วที่ 374 ล้านบาท และในช่วงครึ่งปีหลังยังคงเดินหน้าออกสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่องในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ รวมถึงขยายช่องทางการจำหน่าย และขยายไปสู่ตลาดต่างประเทศมากขึ้น เพื่อเพิ่มช่องทางการสร้างรายได้ให้กับบริษัท

โดยสัดส่วนรายได้ในปัจจุบันแบ่งตามผลิตภัณฑ์ จะมีทั้งหมด 5 ประเภทได้แก่ ผลิตภัณฑ์รักษาสุขภาพและชะลอวัย (Wellness & Anti-Aging Nutraceuticals) 159 ล้านบาท, ผลิตภัณฑ์ดูแลและส่งเสริมสุขภาพของสัตว์เลี้ยง (Companion Animal Healthcare) 111 ล้านบาท, ผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์รักษาโรค (Pharmaceutical Innovation) 64 ล้านบาท, ผลิตภัณฑ์สำหรับปศุสัตว์ (Livestock Animal Healthcare) 34 ล้านบาท และ ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมความงาม (Cosmeceuticals & Aesthetic Innovation) 4 ล้านบาท

“ในปีนี้และปีต่อ ๆ ไปเรายังคงเดินหน้าออกสินค้าใหม่ในทั้ง 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์ เช่นในไตรมาส 3/64 นี้ก็มีการออกผลิตภัณฑ์คอลลาเจนตัวใหม่ที่สกัดจากปลาทะเล และเรายังขยายช่องทางในการจำหน่ายทั้งในสินค้าคนและสัตว์อีกด้วย ไม่ว่าจะขยายไปยังโรงพยาบาล คลินิก หรือร้านขายยา รวมทั้งช่องทางออนไลน์อีก และตอนนี้เรายังขยายการส่งสินค้าไปยังตลาดต่างประเทศมากขึ้น ทั้งในกัมพูชา เมียนมา ลาว ส่วนเวียดนามกำลังรอขึ้นทะเบียน และเราวางแผนจะส่งออกไปยังตลาดฮ่องกงและจีนเช่นกัน “

นายตฤณวรรธน์

และในช่วงครึ่งปีหลังนี้บริษัทจะมีรายได้จากการรับจ้างผลิตสินค้าเข้ามาเสริม จากการเข้าไปซื้อโรงงานของบริษัท เทวาฟาร์มา (ประเทศไทย) ขนาด 20 ไร่ ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งทางเทวาฟาร์มาก็ได้จ้างให้บริษัทผลิตยาให้เป็นระยะเวลา 3-5 ปี ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ รวมไปถึงยังมีบริษัทอื่น ๆ ที่เข้ามาจ้างให้บริษัทผลิตสินค้าให้อีกเช่นกัน โดยเริ่มมีลูกค้ารายแรกที่เข้ามาว่าจ้างแล้วราว 20 ล้านบาท และคาดว่าจะมีลูกค้าทยอยเข้ามาเพิ่มอีกในอนาคต

ทางด้านการวิจัย พัฒนา และต่อยอดผลิตภัณฑ์กัญชงร่วมกับทางบมจ. อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย (RBF) นั้น คาดว่าทาง RBF จะเริ่มส่งมอบสารสกัดกัญชงให้กับบริษัทได้ในเดือน ก.พ.65 และคาดว่าจะสามารถจำหน่ายสินค้าประเภทดังกล่าวได้ในไตรมาส 1/65 และการพัฒนาต่อยอดงานวิจัยและพัฒนากระท่อมร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ยังคงอยู่ระหว่างการพัฒนาแปลงต้นแบบ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดีที่สุด ซึ่งคาดว่าจะสามารถจำหน่ายสินค้าที่มีส่วนผสมของกระท่อมได้ในปี 65 เช่นกัน

นายตฤณวรรธน์ กล่าวว่าการวิจัยและพัฒนา และการทำการขายและการตลาด อุปกรณ์และผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ทำจากพลาสติกร่วมกับทาง ปัญจวัฒนาพลาสติก (PJW) ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาสินค้าเพื่อให้ได้มาตรฐานที่ดีที่สุด และยังคงมองเห็นตลาดการเติบโตของเครื่องมือแพทย์ที่มีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงแพร่ระบาดโควิด-19 โดยคาดว่าจะสามารถเห็นความชัดเจนของผลิตภัณฑ์ได้ช่วง H2/65

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ก.ย. 64)

Tags: , , ,
Back to Top