กบง. สั่งทบทวนแผนเพิ่มการผลิตไฟฟ้าใหม่ปี 64-73/ขยายเวลาตรึงราคา LPG อีก 3 เดือน

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2564 คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้เห็นชอบกรอบแผนพลังงานชาติ โดยมอบหมายให้ กบง. บริหารจัดการและพิจารณาทบทวนปรับปรุงแผนการเพิ่มการผลิตตามหลักการการบริหารจัดการและพิจารณาทบทวนปรับปรุงแผนการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ภายใต้แผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561-2580 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 (PDP 2018 Rev. 1) ในช่วงปี พ.ศ. 2564-2573 นั้น

วันนี้ (20 กันยายน 2564) ที่ประชุม กบง. จึงได้พิจารณาหลักการเพื่อวัตถุประสงค์ด้านความมั่นคงทางพลังงานและส่งเสริมศักยภาพในการแข่งขันของประเทศให้สอดรับกับประชาคมโลกที่มุ่งเน้นพลังงานไฟฟ้าสะอาด ลดการปล่อยคาร์บอนและรองรับการก้าวเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Decarbonization) ประกอบด้วย

1. ทบทวนปรับพิ่ม/ลดกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่รายปีของโรงไฟฟ้าประเภทฟอสซิล (Coal/Natural Gas) โรงไฟฟ้าจาก RE (รายเชื้อเพลิง) เช่น ชีวมวล ก๊าซชีวภาพ แสงอาทิตย์ ลม ขยะชุมชน ขยะอุตสาหกรรม เป็นต้น รวมถึงการรับซื้อไฟฟ้าโครงการพลังน้ำจากประเทศเพื่อนบ้าน

2. ทบทวนโครงการรับซื้อไฟฟ้า RE ที่มีการดำเนินการล้าช้ากว่าแผนฯ เพื่อปรับกำหนด SCOD ใหม่ เช่น โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก โรงไฟฟ้าชีวมวลประชารัฐ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โรงไฟฟ้าขยะชุมชน เป็นต้น

3. รวมทั้งพิจารณาเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจาก RE ที่มีศักยภาพเหมาะสมร่วมกับเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความมั่นคงให้กับระบบไฟฟ้า เช่น Solar + ESS เป็นต้น

ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ร่วมกันดำเนินการทบทวนปรับปรุงแผนการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ภายใต้แผน PDP2018 rev.1 ในช่วงปีพ.ศ. 2564 – 2573 ตามมติ กพช. ให้สอดคล้องกับศักยภาพของพลังงานหมุนเวียน โดยมอบหมายให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ร่วมกับการไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง ให้การสนับสนุนข้อมูลศักยภาพสายส่ง รวมถึงพิจารณาจัดทำแผนปรับปรุงระบบสายส่ง และจำหน่ายไฟฟ้า ให้สอดคล้องกับการทบทวนแผนการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดที่จัดทำขึ้น และนำกลับมาเสนอ กบง. เพื่อพิจารณาต่อไป

นอกจากนี้ กบง. ได้เห็นชอบให้คงราคาขายปลีก LPG ที่ 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ออกไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2564 ถึงวันที่ 31ธันวาคม 2564 เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แม้ว่าราคา LPG ตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในช่วงปลายปีนี้ พร้อมทั้งมอบหมายให้กระทรวงพลังงานติดตามสถานการณ์ราคา LPG อย่างใกล้ชิด และนำเสนอแนวทางการทบทวนราคา LPG ต่อ กบง. ต่อไป

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ก.ย. 64)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top