
นักวิเคราะห์ฯ เผย แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้ คาดแกว่งไซด์เวย์พักฐาน ผิดหวังหุ้นไทยถูก MSCI ลดน้ำหนัก รวมถึงมี 2 หุ้นใหญ่ขึ้น XD ขณะที่ SET ก็ขึ้นมามากแล้ว นักลงทุนอาจเลือกชะลอก่อนไทยหยุดยาว 4 วัน และสัปดาห์หน้าจะมีหลายประเด็นสำคัญ ดังนั้นจึงแนะติดตามบจ.ที่เหลือทยอยประกาศงบไตรมาส 2/68, ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ และประชุม กนง. ส่วนวันนี้ไร้ปัจจัยใหม่ ให้กรอบแนวรับ 1,260-1,250 จุด แนวต้าน 1,280 จุด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดแกว่งไซด์เวย์พักฐาน หลังหุ้นไทย 2 ตัวถูกถอดออกจากกลุ่ม Global Standard ในดัชนี MSCI เป็นที่น่าผิดหวังจากที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มน้ำหนัก รวมถึงยังมีการขึ้น XD ในหุ้น PTTEP และ SCGP เข้ามากดดันอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม SET ก็ปรับขึ้นมามากแล้ว การลงทุนในวันนี้คาดว่าจะชะลอลงก่อนหยุดยาว 4 วัน และในสัปดาห์หน้าก็จะมีประเด็นสำคัญค่อนข้างมากด้วย จึงแนะติดตามการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2/68 ของบริษัทจดทะเบียนที่เหลือ รายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ และประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ว่าจะมีมติลดดอกเบี้ยหรือไม่
ส่วนวันนี้ยังไม่มีปัจจัยใหม่ ให้กรอบแนวรับ 1,260-1,250 จุด และแนวต้าน 1,280 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (7 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 43,968.64 จุด ลดลง 224.48 จุด หรือ -0.51%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,340.00 จุด ลดลง 5.06 จุด หรือ -0.08% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 21,242.70 จุด เพิ่มขึ้น 73.27 จุด หรือ +0.35%
– ตลาดหุ้นเอเชียภาคเช้าเปิดปรับตัวผสมผสาน ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 41,283.70 จุด เพิ่มขึ้น 224.55 จุด หรือ +0.55%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 24,968.31 จุด ลดลง 113.32 จุด หรือ -0.45% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,634.85 จุด ลดลง 4.82 จุด หรือ -0.13%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (7 ส.ค.) 1,265.15 จุด เพิ่มขึ้น 0.68 จุด (+0.05%) มูลค่าซื้อขาย 60,459.25 ล้านบาท
– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (7 ส.ค.) 315.51 ล้านบาท
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. (7 ส.ค.) ลดลง 47 เซนต์ หรือ 0.73% ปิดที่ 63.88 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (7 ส.ค.) อยู่ที่ 3.55 เหรียญ/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 32.28 แนวโน้มผันผวนตามราคาทอง คาดกรอบวันนี้ 32.20-32.40
– “รัฐบาล” จ่อคลอดแพ็กเกจเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากภาษีทรัมป์ ทั้งมาตรการการเงิน ดึงแบงก์พาณิชย์ร่วมปล่อยซอฟต์โลนช่วยแบงก์รัฐ พิจารณาลดภาษีเงินได้ พร้อมปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ โยกเงินกระตุ้นเศรษฐกิจใช้หนี้ ม.28 แบงก์รัฐ เปิดเพดานปล่อยกู้เพิ่มเยียวยาเกษตรรายย่อย “พิชัย” หวังพลิกโอกาสธุรกิจปรับตัวเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน
– ตลท. ชี้ “หุ้นไทย” เดือน ก.ค. ฟื้นแรงกว่า 14% รับอานิสงส์ “ต่างชาติ” แห่พลิก “ซื้อสุทธิ” ครั้งแรกในรอบ 11 เดือน หวัง “ฟันด์โฟลว์” ไหลเข้าต่อ รับปัจจัยหนุนเดือน ส.ค. เพียบสร้างโมเมนตัมบวกต่อ หลัง “หุ้น THAI” กลับสู่กระดานเทรดคึกคัก-ลุ้น “MSCI-FTSE” จ่อปรับเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย มาพร้อมเม็ดเงิน “7 กองทุนใหญ่ต่างชาติ” จ่อไหลเข้า-ฟื้นความเชื่อมั่น เคลียร์คดี “หุ้นมอร์” คืบหน้า-ไทยแลนด์โฟกัส 100 กองทุนตอบรับเข้าร่วม แต่ยังไม่นิ่งนอนใจเกาะติดปัจจัยเสี่ยงในและนอก
– ช่วยลูกค้าผลกระทบชายแดน-กู้ซ่อมแซมบ้านเสียหาย ดบ. 1% นาน 3 ปีแรก ธอส.ขานรับนโยบายกระทรวงการคลัง จัดทำสินเชื่อสำหรับลูกค้าและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาชายแดน ช่วยเหลือให้ครอบคลุมกรณีที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายให้กู้ซ่อมแซมที่อยู่อาศัย อัตราดอกเบี้ย 1% นาน 3 ปีแรก สามารถยื่นกู้ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ณ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ
– ชี้อินเดียหยุดซื้อจากรัสเซียราคาอาจลดลง เวสต์เท็กซัส-เบรนท์ต่ำสุดในรอบ 8 สัปดาห์ นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยถึงแนวโน้มราคาน้ำมันช่วงที่เหลือของปี 2568 ว่า น่าจะอยู่ในระดับที่ทรงตัว โดยราคาบวกลบไม่น่าจะเกิน 5 เหรียญสหรัฐ ซึ่งหากมีความผันผวนเกิดขึ้นก็คง ไม่มาก ยกเว้นว่าจะมีสงครามเกิดขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าจะกระทบกับราคาน้ำมันโดยถือว่าเป็นปัจจัยเดียวที่น่าเป็นห่วง ซึ่งจะส่งผลกระทบกับราคาน้ำมัน ส่วนปัจจัยเรื่องของฤดูที่จะเข้าสู่ฤดูหนาวนั้น มองว่าปีนี้น่าจะไม่หนาวมาก และมีระยะเวลาที่ไม่นาน เนื่องจากเวลานี้ฤดูมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก หากสังเกตจากฤดูร้อนและฝนที่มาค่อนข้างเร็ว
– GULF (กรุงศรี) ราคาเป้าหมาย 56.50 บาท ความคาดหวังการประขุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 13 ส.ค. คาดมีโอกาสลดดอกเบี้ย -25 bps หนุน GULF เงินบาทแข็งค่า 32.3 +/- บาท และคาดกำไรงวดไตรมาส 2/68 รายงานวันนี้จะออกมาเด่นในลักษณะเดียวกับ GPSC วานนี้
– KTC (ฟินันเซียไซรัส) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 32 บาท แนวโน้มผลงาน H2/68 คาดว่ายังทรงถึงเติบโตได้เล็กน้อย เช่นเดียวกับที่ประกาศกำไรไตรมาส 2/68 โต +4% YoY, +2% QoQ ขณะที่คุณภาพสินทรัพย์อยู่ในเกณฑ์ดีมาก NPL ลดลงเหลือ 1.83% ส่วนการตั้งสำรองและ opex สามารถคุมได้ดี เราคาดกำไรปี 68 เติบโต 3% YoY และคาดให้ Dividend Yield ราว 4.5% ต่อปี นอกจากนี้คาดได้ Sentiment หนุนหลังถูกเพิ่มหุ้นเข้าคำนวณในดัชนี MSCI Small Cap ในรอบนี้
– CPN (คิงส์ฟอร์ด) แนะ “ทยอยซื้อ” ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 68.73 บาท คาดกำไรสุทธิไตรมาส2/68 อยู่ที่ 4,205 ลบ.(-7.69%YoY, -0.52%QoQ) โดยธุรกิจให้เช่าศูนย์การค้ายังดูโตได้ แต่กดดันจากธุรกิจโรงแรม และธุรกิจอสังหาฯที่พักอาศัย อย่างไรก็ตาม ช่วงครึ่งปีหลังมีโอกาสที่จะฟื้นตัวจากครึ่งแรก หนุนด้วย 1.โมเมนตัมธุรกิจให้เช่าฯ ตามกลยุทธ Retail-Led Mixed-Use Development/เปิด Central Park, Central กระบี่ 2.ปัจจัยหนุนจาก”เที่ยวไทยคนละครึ่ง”/ปัจจัยตามฤดูกาลในไตรมาส4 และ 3.ยอดโอนคอนโดกลับมา/เปิดโครงการแนวราบใหม่ๆ ปัจจุบัน ตลาดคาดกำไรสุทธิปี68, 69 ของ CPN ที่ 17,375 ลบ.(+4%YoY) และ 18,969 ลบ.(+9%YoY)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ส.ค. 68)