ONEE เคาะช่วงราคา IPO ที่ 7.5-8.5 บาท/หุ้น เปิดจอง 20-21 ต.ค.,25-26 ต.ค.

นายอนุวัฒน์ ร่วมสุข กรรมการผู้จัดการ ประธานสายตลาดทุน บล.เกียรตินาคินภัทร ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายของ บมจ.เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ (ONEE) กล่าวว่า ONEE กำหนดช่วงราคาเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) เบื้องต้นที่ 7.50-8.50 บาท/หุ้น หรือคิดเป็นมูลค่าเสนอขายไม่เกิน 3,722-4,218 ล้านบาทโดยกำหนดจากผลตอบรับและความสนใจของนักลงทุนสถาบันชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ

ทั้งนี้ คาดว่า ONEE จะเคาะราคาสุดท้ายในการเสนอขายหุ้น IPO ได้ภายในวันที่ 27 ต.ค.64 และคาดว่าหลักทรัพย์ของ ONEE จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ภายในสัปดาห์แรกของเดือน พ.ย.64

บริษัทเชื่อว่าช่วงราคาเสนอขายดังกล่าวมีความเหมาะสมที่สะท้อนปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว ประกอบกับความโดดเด่นและความแตกต่างของ ONEE ที่ไม่เหมือนกับผู้เล่นรายอื่นในธุรกิจสื่อและความบันเทิงของประเทศไทย พร้อมทั้งได้พิจารณาถึงสภาวการณ์ตลาดโดยรวมและเสถียรภาพของราคาหุ้นในระยะยาว

ปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบไฟลิ่ง) ของ ONEE แล้ว โดยจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 496,252,500 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 20.8% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการ IPO ในครั้งนี้ ประกอบด้วย (1) หุ้นสามัญเพิ่มทุนไม่เกิน 476,250,000 หุ้น และ (2) หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยบริษัท ซีเนริโอ จำกัด ไม่เกิน 20,002,500 หุ้น

พร้อมเปิดโอกาสให้นักลงทุนที่เป็นบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์จองซื้อในวันที่ 21-22 และ 25-26 ต.ค.64 นี้ โดยจะต้องชำระเงินที่ราคา 8.50 บาท/หุ้น ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขาย อย่างไรก็ตาม หากราคาเสนอขายสุดท้ายต่ำกว่าราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขายดังกล่าว ผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์จะดำเนินการคืนเงินจองซื้อแก่นักลงทุนภายใน 10 วันทำการนับจากวันจองซื้อวันสุดท้ายสำหรับผู้จองซื้อทุกประเภท ตามวิธีการและรายละเอียดในหนังสือชื้อชวน

ONEE จะนำเงินที่ได้รับจากการระดมทุนไปขยายธุรกิจและพัฒนาศักยภาพในการสร้างการเติบโต ทั้งการลงทุนพัฒนาศักยภาพในการผลิตรายการ และการลงทุนพัฒนาขีดความสามารถของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ อีกทั้ง นำไปใช้ปรับโครงสร้างเงินทุนและเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการต่อไป

สำหรับธุรกรรม IPO ในครั้งนี้ บล.เกียรตินาคินภัทร ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และมีบริษัทหลักทรัพย์อีก 6 ราย ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ประกอบด้วย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ บล. ทิสโก้ จำกัด บล.ธนชาต บล.ฟินันเซีย ไซรัส บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) และ บล.เอเซีย พลัส

นายถกลเกียรติ วีรวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม ONEE เปิดเผยว่า บริษัทมีโมเดลธุรกิจที่ครอบคลุมธุรกิจสื่อและความบันเทิงตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ จากรากฐานการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตและสร้างสรรค์คอนเทนต์คุณภาพที่มีความหลากหลายทั้ง ละคร ซิทคอม ซีรีย์ รายการวาไรตี้ และข่าว ครอบคลุมทุกกลุ่มผู้ชมเป้าหมายไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม Premium Mass, กลุ่ม Family, กลุ่ม New Generation และกลุ่ม Edgy เพื่อสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่และเป็นที่นิยม รวมถึงการเป็นเจ้าของและบริหารช่องทางการเผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์มออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้ชมทุกเพศ ทุกวัย และต่อยอดสู่การผลิตคอนเทนต์ให้แก่ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ

อีกทั้ง บริษัทยังประกอบธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่อง เช่น การจัดอีเวนท์ การบริหารศิลปินในสังกัดกว่า 200 ราย การขายสินค้าจากรายการและศิลปิน และการให้เช่าสถานที่ถ่ายทำ เป็นต้น ด้วยวิสัยทัศน์ “การเป็นผู้นำในการสร้างความบันเทิง ความรู้ แรงบันดาลใจ เพื่อส่งมอบความสุขให้ผู้ชมทุกเพศ ทุกวัย ภายใต้คุณภาพระดับสากลที่ผสานความเป็นไทยสู่เวทีโลก” ผ่านการบริหารจัดการด้วยทีมผู้บริหารและบุคลากรที่มีความเชียวชาญและมากด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี พร้อมด้วยกลุ่มคนรุ่นใหม่ ส่งผลให้ ONEE สามารถตอบสนองและปรับตัวตามพฤติกรรมและรสนิยมของกลุ่มผู้ชมเป้าหมายที่มีความหลากหลายและมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาท่ามกลางยุค Digital Disruption

“การระดมทุนครั้งนี้จะช่วยให้เราสามารถเพิ่มศักยภาพในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง สามารถพัฒนานักแสดงหน้าใหม่มากฝีมือเข้าสู่วงการบันเทิง ยกระดับคุณภาพของคอนเทนต์ไทยสู่ระดับสากล และเพิ่มขีดความสามารถในการนำคอนเทนต์ไปสู่ผู้ชมในต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้ ONEE สามารถขยายฐานผู้ชมได้ในทุกช่องทาง และส่งเสริมให้เราก้าวสู่ความเป็นผู้นำที่เชื่อมโลกการรับชมทุกแพลตฟอร์มเพื่อส่งมอบบันเทิงและความสุขให้คนไทยและผู้ชมทั่วโลกสู่การเติบโตได้อย่างยั่งยืน”

 นายถกลเกียรติ กล่าว

นายระฟ้า ดำรงชัยธรรม ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดกลุ่ม ONEE เปิดเผยว่า บริษัทมีกลยุทธ์ในการสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการสร้างความเข้าใจในพฤติกรรมของผู้ชมที่ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จะเห็นได้จากความสามารถในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของเม็ดเงินโฆษณาผ่านช่องทางทีวีอย่างต่อเนื่องและกลายเป็นรากฐานที่มั่นคง และต่อยอดสู่การเผยแพร่คอนเทนต์ผ่านช่องทางออนไลน์ทั้ง Social Media และ OTT Platforms เพื่อดึงดูดกลุ่มผู้ชมที่หันไปบริโภคคอนเทนต์ทางช่องทางดังกล่าวที่มากขึ้น

ปัจจุบันรายได้จากเม็ดเงินโฆษณาออนไลน์ถือเป็นส่วนสำคัญของกลุ่ม ONEE ที่สามารถสร้างการเติบโตที่แข้งแกร่งได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมุ่งขยายฐานผู้ชมไปสู่ระดับสากลผ่านเครือข่ายพันธมิตร OTT Platforms ทั้งในและต่างประเทศ อาทิ Netflix, LINE TV, Disney+ Hotstar, WeTV, Viu, TRUE ID, AIS Play, IQIYI เป็นต้น ผ่านรูปแบบการบริหารลิขสิทธิ์และการรับจ้างผลิตให้แก่แพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ โดย ONEE มีฐานผู้ชมครอบคลุมทั้งในประเทศไทยและอีกกว่า 15 ประเทศทั่วโลก ซึ่งส่งผลให้บริษัทเป็นผู้นำในธุรกิจการผลิตและสร้างสรรค์คอนเทนต์ของคนไทยอย่างแท้จริง

“ด้วยโมเดลธุรกิจแบบครบวงจร เราได้นำข้อมูลและเสียงตอบรับจากกลุ่มผู้ชมในทุกช่องทาง มาวิเคราะห์ในเชิงลึกเพื่อนำมาพัฒนาสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่มีความแปลกใหม่และได้รับความนิยม กำหนดช่องทางเผยแพร่และเวลาออกอากาศ ได้ตรงกับรสนิยมและพฤติกรรมรับชมของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ ส่งผลให้มีประสิทธิภาพการบริหารจัดการตลอดทั้ง Value Chain ที่เอื้อประโยชน์สูงสุดในการสร้างรายได้และควบคุมต้นทุนการผลิต เพื่อสนับสนุนความสามารถทำกำไรที่ดีในระยะยาว”

 นายระฟ้า กล่าว

บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ในช่วง 3-5 ปีจะเติบโตเฉลี่ย 10% ต่อปี โดยที่สัดส่วนรายได้จะเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ได้แก่ สัดส่วนรายได้จากช่องทางโทรทัศน์จะลดลงมาเหลือ 40-45% จากปัจจุบัน 48% สัดส่วนรายได้ช่องทางออนไลน์จะเพิ่มขึ้นมาเป็น 25-25% จาก 21% สัดส่วนรายได้จากช่องทางอื่นๆจะลดลงมาเหลือ 12-25% จากปัจจุบันที่ 27% และสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นมาเป็น 7-10% จากปัจจุบันที่ 5%

นายอรรณพ เสนะสุทธิพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงินกลุ่ม ONEE กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้มั่นใจว่าจะเติบโตขึ้นจากปีก่อน แม้ว่าในช่วงไตรมาส 3/64 จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ค่อนข้างมาก ทำให้การผลิตและถ่ายทำคอนเทนต์ต่างๆ ต้องหยุดชะงักไป และไม่สามารถจัดกิจกรรมต่างๆ ได้ แต่คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวชัดเจนในไตรมาส 4/64 หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายไปมาก ทำให้เริ่มมีคอนเทนต์ใหม่ๆออกมานำเสนอได้เพิ่มขึ้น และจะมีรายได้จากส่วนอื่นๆที่กลับเข้ามาเสริมการเติบโตอีกครั้ง

นายถกลเกียรติ กล่าวเสริมว่า ในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า บริษัทตั้งเป้าเรตติ้งของช่อง ONE 31 ในช่วงไพร์มไทม์กลับขึ้นมาติด TOP 3 และ All Day ใน TOP 4 เท่ากับช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 โดยที่ในช่วงไตรมาส 4/64 เป็นต้นไป คาดว่าเรตติ้งของช่อง ONE 31 จะกลับมาเพิ่มขึ้นจากคอนเทนต์ใหม่ๆที่นำออกมาเสนอ และมีการใช้เวลาของช่อง ONE 31 ได้เต็มที่มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้เน้นการสร้างเรตติ้งเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ เนื่องจากไม่ได้เป็นปัจจัยเดียวที่เข้ามาขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้และผลการดำเนินงานอย่างมีนัยสำคัญ แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆที่เข้ามาเสริมเพื่อสร้างรายได้จากส่วนต่างๆ ให้มีความสมดุล เพื่อสร้างการเติบโตของผลการดำเนินงานที่เติบโตขึ้นอย่างยั่งยืน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ต.ค. 64)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top