IPOInsight: GLORY ถอดโมเดลเทคสตาร์ทอัพสู่เป้าใหญ่แพลตฟอร์มหนังสือระดับโลก

เกาะติดความเคลื่อนไหวว่าที่หุ้นน้องใหม่อย่าง บมจ.รุ่งเรืองตลอดไป (GLORY) เตรียมความพร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันแรก 25 ต.ค.นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ 756 ล้านบาทอ้างอิงการประเมินมูลค่าตามราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนครั้งแรก (IPO) ที่ 2.80 บาทต่อหุ้น

ภาพรวมธุรกิจของ GLORY เป็นผู้ประกอบการเทคสตาร์ทอัพ (Tech Startup) ที่พัฒนาแพลตฟอร์มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) เพื่อใช้ในการจัดจำหน่ายสื่อบันเทิงออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ “Kawebook.com” และแอปพลิเคชัน “Kawebook” ซึ่งมีงานวรรณกรรมออนไลน์ที่หลากหลาย ประกอบด้วย นิยาย การ์ตูนและหนังสือออนไลน์ โดยมีทั้งในส่วนที่เป็นงานวรรณกรรมแปลที่ได้รับลิขสิทธิ์จากต่างประเทศ อาทิ จีน และ ญี่ปุ่น งานวรรณกรรมที่ถือลิขสิทธิ์โดยนักเขียนอิสระ และงานวรรณกรรมที่ได้รับสิทธิในการเผยแพร่จากสำนักพิมพ์ในประเทศ

บริษัทมีวรรณกรรมที่หลากหลายเพื่อรองรับความต้องการที่แตกต่างกันของรสนิยมในการอ่าน ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีรายได้หลักมาจากงานวรรณกรรมแปล โดยที่ผ่านมา วรรณกรรมแปลที่ได้รับความนิยมได้แก่ อสูรพลิกฟ้า หมื่นอสูรก้มกราบ เทพจักรพรรดิเจ้าพิภพ ราชาแห่งสวรรค์และปฐพี และสดุดีมหาราชา เป็นต้น *ส่องอัพไซด์ตลาด E-Book เมืองไทยเติบโตมากกว่า 10% ต่อปี

นายจรัญพัฒณ์ บุญยัง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GLORY เปิดเผยกับ “อินโฟเควสท์” ว่า ภาพรวมความต้องการของตลาดอีบุ๊ก (E-Book) ในประเทศไทยพบว่ามีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 14% ต่อปี และในอนาคตมองเห็นโอกาสการขยายตัวอย่างต่อเนื่องตามการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคในการเข้าถึงการใช้งานของอินเตอร์เน็ตและการชำระเงินผ่านระบบออนไลน์

แม้ว่าปัจจุบันฐานลูกค้าของบริษัทจะเป็นคนไทยเป็นหลัก แต่บริษัทมีการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นเรื่องของคอนเทนต์ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะวรรณกรรมไทยที่มีชื่อเสียงนำไปแปลขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศ

“ด้วยโมเดลธุรกิจของเราเป็นสตาร์ทอัพ จริงๆ ช่วงเริ่มต้นธุรกิจมีทุนการดำเนินธุรกิจค่อนข้างจำกัดเป็นที่มาของโมเดลธุรกิจที่ใช้กระแสเงินสดไม่มาก ยกตัวอย่างการจ้างนักแปล บริษัทแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้ค่อนข้างสูง แต่เราต้องได้เงินจากลูกค้ามาก่อน ซึ่งหากเรื่องนี้มีชื่อเสียงนักแปลก็ได้เงินเยอะตามเปอร์เซ็นต์ยอดขายไปด้วย และคอนเทนต์วรรณกรรมที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ก็เป็นคอนเทนต์ที่มีชื่อเสียงหลายเรื่อง เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีการดึงดูดนักอ่านเข้ามาใช้บริการในแพลตฟอร์มของเรา หลังจากนั้นการเติบโตของผลประกอบการช่วงที่ผ่านมาเติบโตอัตราเร่งมาจากการหมุนคอนเทนต์และซื้อลิทสิทธิ์วรรณกรรมต่างประเทศเข้ามาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง”

นายจรัญพัฒณ์ กล่าว

คาดผลงานปี 65 โต 20-40% มุ่งสู่เป้าแพลตฟอร์มหนังสือระดับโลก

ผลประกอบการในช่วงปี 61 บริษัทมีรายได้ 42 ล้านบาท, ปี 62 มีรายได้ 72 ล้านบาท ,ปี 63 มีรายได้ 78 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย 35.80% ต่อปี และช่วง 6 เดือนแรกของปี 64 มีรายได้ 45 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)

ขณะที่แผนการระดมทุนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ บริษัทจะนำเงินทุนไปซื้อลิทสิทธิ์วรรณกรรมต่างประเทศเข้ามาเพิ่มอีก 70% จากจำนวนที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปลายปี 64 ไปจนถึงปี 65 เบื้องต้นคาดว่าจะช่วยสร้างการเติบโตของรายได้อีกอย่างน้อย 20%

สอดคล้องไปกับแผนการนำเงินทุนไปขยายแพลตฟอร์มเพิ่มเติ่มเพื่อรองรับการขยายฐานลูกค้าในประเทศเป็นวงกว้างมากขึ้น เช่น การเจาะกลุ่มลูกค้าผู้หญิงที่มองเห็นถึงโอกาสการเติบโตที่ดีในอนาคตตามความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากยอดขายนิยายแปลได้รับความสนใจของกลุ่มคนอ่านผู้หญิงเป็นจำนวนมาก อย่างเรื่อง “ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต” เบื้องต้นประเมินว่าการขยายฐานกลุ่มคนอ่านผู้หญิงจะผลักดันรายได้เติบโตอย่างน้อยอีก 20% เช่นกัน

“ภายใต้สมมติฐานดังกล่าวเป็นตัวแปรผลักดันภาพรายได้รวมปี 65 เติบโตอย่างน้อย 20-40% เมื่อเทียบกับฐานรายได้ของปีนี้ แต่ส่วนที่สำคัญกว่านั้นคือการขยายแพลตฟอร์มเพื่อรองรับการขยายฐานกลุ่มลูกค้าในต่างประเทศทั่วโลก โดยเป็นการแปลเป็นภาษาอังกฤษหรือเป็นภาษาที่เข้าถึงคนอ่านแต่ละประเทศนั้นๆ เป็นแรงจูงใจให้กับนักเขียนต่างประเทศที่ต้องการมีรายได้สามารถเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับบริษัทได้เช่นเดียวกับนักเขียนคนไทย แผนการขยายแพลตฟอร์มเจาะกลุ่มลูกค้าต่างประเทศยังไม่ได้นับรวมกับประมาณการรายได้ที่จะเติบโตจากการเจาะกลุ่มลูกค้าผู้หญิงและซื้อลิทสิทธิ์วรรณกรรมต่างประเทศเข้ามาเพิ่มขึ้น”

นายจรัญพัฒณ์ กล่าว

ส่องราคา IPO 2.80 บาท/หุ้น สอดคล้องกับแผนเติบโตระยะยาว

นายจรัญพัฒณ์ กล่าวว่า การกำหนดราคา IPO หุ้นละ 2.80 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 196 ล้านบาท อยู่ภายใต้สมมติฐานราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 66.67 เท่า คำนวณจากกำไรสุทธิใน 4 ไตรมาสล่าสุด (1 ก.ค.63-30 มิ.ย.64) หรือเท่ากับ 11.34 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (Fully Diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.04 บาท โดยมี บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ บล.ฟินันซ่า จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายการขาย IPO ในครั้งนี้

ทั้งนี้ ราคา IPO หุ้นละ 2.80 บาทประเมินจากกรณีที่บริษัทเป็นเทคสตาร์ทอัพรายแรกที่เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ดังนั้นจึงไม่มีบริษัทที่สามารถนำไปเปรียบเทียบเชิงของมูลค่าหุ้น แต่มีบริษัทที่มีธุรกิจที่คล้ายกันเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นประเทศจีน คือ COL ที่มีค่าเฉลี่ย P/E อยู่ที่กว่า 80 เท่า

ราคา IPO ดังกล่าวผ่านมุมของทีมผู้บริหารมีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถผลักดันการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาวเพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ที่เข้ามาร่วมถือหุ้นกับบริษัทในอนาคตภายหลังจากเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนแล้ว

GLORY มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO ได้แก่ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ถือหุ้น 37.78% กลุ่มครอบครัวบุญยัง ถือหุ้น 36.63% บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการ ภายหลังจากหักเงินทุนสำรองต่างๆ ตามกฎหมาย

“การเลือกคอนเทนต์ถูกใจคนอ่านมาจากพฤติกรรมส่วนตัวที่เป็นคนรักการอ่านอยู่แล้ว ทำให้ค่อนข้างที่จะรู้แนวทางว่าคนอ่านที่เป็นฐานลูกค้าต้องการคอนเทนต์แบบอย่างไร ซึ่งวันนี้เราก็มีทีมที่คอยคัดเลือกผลงานวรรณกรรมต่างประเทศที่มีความน่าสนใจ ผสมผสานกับการทำการตลาดให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เป็นปัจจัยช่วยผลักดันยอดขายเติบโตขึ้นเป็นลำดับ ส่วนกรณีคอนเทนต์ไหนที่ไม่ได้สร้างยอดขายตามเป้าหมายที่วางไว้ บริษัทมีกระบวนการติดตามความคุ้มค่าการลงทุนแต่ละคอนเทนต์ ดังนั้นหากเรื่องที่ขายไม่ดีก็จะตัดทิ้งออกไปหรือไม่มีการต่อสัญญา”

นายจรัญพัฒณ์ กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ต.ค. 64)

Tags: , , ,
Back to Top