
นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการเกษตร 
กรมการข้าว กรมปศุสัตว์ กรมหม่อมไหม และสำนักงานงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ได้ร่วมกันดำเนินโครงการพัฒนา
เกษตรกรปราดเปรื่อง (Smart Farmer) ในพื้นที่ 77 จังหวัด เพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของเกษตรกรให้เป็นเกษตรกรปราดเปรื่องและยกระดับเป็นผู้ประกอบการเกษตรที่มีศักยภาพ ตลอดจนการพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ให้เป็น Young Smart Farmer
          
โดยสามารถพัฒนาเกษตรกรปราดเปรื่อง เกษตรกรรุ่นใหม่ได้รวมทั้งสิ้น 29,335 ราย คิดเป็น 102.29% ของเป้า
หมาย 28,707 ราย ซึ่งผลการพัฒนาเกษตรกรในแต่ละกลุ่ม พบว่า มีการพัฒนาเกษตรกรกลุ่ม Developing Smart Farmer 
จำนวน 20,375 ราย หรือ 98.62% ของเป้าหมาย 20,660 ราย พัฒนากลุ่ม Existing Smart Farmer จำนวน 454 ราย 
คิดเป็น 151.33% ของเป้าหมาย 300 ราย พัฒนาเกษตรกรกลุ่ม Smart Farmer Model จำนวน 863 ราย คิดเป็น 95.68% 
ของเป้าหมาย 902 ราย พัฒนาเกษตรกรทั่วไปสู่เกษตรกรรุ่นใหม่ จำนวน 4,447 ราย คิดเป็น 99.37% ของเป้าหมาย 4,475 
ราย และพัฒนา Young Smart Farmer 3,196 ราย คิดเป็น 134.85% ของเป้าหมาย 2,370 ราย
          
นอกจากนี้ ผลการติดตามเกษตรกร 52.68% ได้นำความรู้จากการฝึกอบรมไปใช้ในพื้นที่ของตนเอง สามารถลดราย
จ่ายในการผลิตได้ เนื่องจากเกษตรกรใช้ปุ๋ยอินทรีย์/สารชีวภัณฑ์ทดแทนปุ๋ยเคมี และผลิตอาหารปลาใช้เอง โดยรายจ่ายค่าปุ๋ยเคมีใน
การทำนาลดลงเฉลี่ย 584 บาท/ไร่ ค่าปุ๋ยเคมีผลิตพืชผักลดลงเฉลี่ย 1,660 บาท/ไร่ ค่าปุ๋ยเคมีผลิตไม้ผลลดลงเฉลี่ย 227 บาท/
ไร่ ค่าสารชีวภัณฑ์ในการทำนาลดลงเฉลี่ย 250 บาท/ไร่ และค่าอาหารปลาลดลงเฉลี่ย 850 บาท/เดือน
          
ด้านรายได้ของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ พบว่า เกษตรกร 62.62% มีรายได้ทางการเกษตรเพิ่มขึ้น เช่น รายได้
จากการจำหน่ายข้าวปลอดสารพิษแปรรูปเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 17,560 บาท/ปี รายได้จากจำหน่ายผลผลิตด้านประมงเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 9,500 
บาท/ปี รายได้จากการจำหน่ายพืชผักเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 36,806 บาท/ปี และรายได้จากการจำหน่ายไม้ผลเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 45,000 บาท/
ปี
          
โดยภาพรวมเกษตรกรมีความพึงพอใจต่อการดำเนินงานโครงการฯ เป็นอย่างมาก เนื่องจากได้รับประโยชน์อย่างรอบ
ด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจที่มีรายได้ดีขึ้น รายจ่ายลดลง รวมไปถึงด้านสังคม ซึ่งได้รับการพัฒนา และส่งเสริมให้มีการรวมกลุ่มสร้าง
เครือข่าย นำไปสู่การพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาการจัดอบรมประสบปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 
หน่วยงานระดับพื้นที่ไม่สามารถดำเนินการจัดอบรมให้กับเกษตรกรได้ตามแผนที่วางไว้
          
ทั้งนี้ ควรมีการจัดอบรมหลักสูตรที่สามารถต่อยอดให้เกษตรกร โดยเฉพาะหลักสูตรเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยี และนวัต
กรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ มูลค่าการผลิต หลักสูตรเกี่ยวกับการตลาด นอกจากนี้ หน่วยงานในพื้นที่อาจพิจารณาจัดอบรมในช่วงที่
เกษตรกรว่างจากการผลิต เพื่อจะได้มีเวลาอย่างเต็มที่ และจัดทำแผนสำรองให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เช่น การใช้สื่อการสอน
แบบออนไลน์ ที่เกษตรกรสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองเพื่อให้สอดคล้องกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะนี้
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
                    เปรียบเทียบรายได้และค่าใช้จ่ายของเกษตรกร ก่อน - หลังเข้าร่วมโครงการ
                                                  ก่อน          หลัง          การเปลี่ยนแปลง (+/-)
          รายจ่าย
          - ค่าปุ๋ยเคมีในการทำนา (บาท/ไร่)            1,449         865               584
          - ค่าปุ๋ยเคมีผลิตพืชผัก (บาท/ไร่)              2,060         400             1,660
          - ค่าปุ๋ยเคมีผลิตไม้ผล (บาท/ไร่)                950         723               227
          - ค่าสารชีวภัณฑ์ในการทำนา (บาท/ไร่)           950         700               250
          - ค่าอาหารปลา (บาท/เดือน)                1,475         625               850
          รายได้
          - จำหน่ายข้าวปลอดสารพิษแปรรูป (บาท/ปี)     25,040      42,600            17,560
          - จำหน่ายผลผลิตด้านประมง (บาท/ปี)         31,000      40,500             9,500
          - จำหน่ายพืชผัก (บาท/ปี)                  45,694      82,500            36,806
          - จำหน่ายไม้ผล (บาท/ปี)                 165,000     210,000            45,000
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ต.ค. 64)
 
								




