เงินบาทเปิด 33.26 แข็งค่าจากดอลลาร์อ่อน หลังเฟดมีมติคงดอกเบี้ย-ลด QE ตามคาด

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 33.26 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก ปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 33.33 บาท/ดอลลาร์

เช้านี้เงินบาทแข็งค่าจากท้ายตลาด เช่นเดียวกับภูมิภาค เนื่องจากเมื่อคืนนี้การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สรุป ว่าจะลดการทำ QE ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาด ทั้งนี้ประธานเฟดระบุว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่วนเงินเฟ้อเป็นเพียงชั่ว คราวเท่านั้น จากปัจจัยดังกล่าว จึงส่งผลให้ดอลลาร์ในตลาดโลกอ่อนค่า สินทรัพย์ปลอดภัยทั้งดอลลาร์ เยน ทองคำถูกเทขาย และตลาด เปิดรับความเสี่ยง

นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 33.20 – 33.35 บาท/ดอลลาร์ ปัจจัยที่ต้องติดตาม วันนี้ คือ การประชุมนโยบายการเงิน และแถลงมติอัตราดอกเบี้ย ของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ของสหรัฐฯ

THAI BAHT FIX 3M (3 พ.ย.) อยู่ที่ระดับ 0.25823% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.33768%

ปัจจัยสำคัญ

– เงินเยนอยู่ที่ระดับ 114.15 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 113.82 เยน/ดอลลาร์

– เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1610 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1590 ดอลลาร์/ยูโร

– อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.347 บาท/ดอลลาร์

– นายกฯ สั่งทุกหน่วยงานหาแนวทางทำงานใหม่ “พลิกโฉมประเทศ” ชวนผู้นำต่างประเทศร่วมมือกระตุ้นการท่องเที่ยว เผย 2 วัน นักท่องเที่ยวเดินทางมาแล้ว 4,510 ราย ทั้ง Test and go ติดเชื้อ 3 ราย, กักกัน 7-10 วัน ติดเชื้อ 3 ราย

– เอกชนวอนรัฐเปิดประเทศแบบจัดเต็มลุยอีเวนต์ทั่วประเทศลอยกระทง ปีใหม่ เพิ่มเงินทุนเอสเอ็มอี ดันเศรษฐกิจปีนี้โต 1.5% จ่อถก “พาณิชย์” ขอขึ้นราคาสินค้าบางรายการ อ้างต้นทุนพุ่งตามราคาน้ำมัน

– “ธุรกิจบริหารหนี้” จ่อคึกคักปีหน้า “แบม” คาด แบงก์เตรียมตัดขายหนี้ มูลค่าระดับแสนล้าน หลังหมดมาตรการพักหนี้- บริษัทเอเอ็มซีผุดใหม่เพียบ พร้อมตุนเงิน 3-4 หมื่นล้าน รอช้อป ด้าน “ชโย” ชี้ มีหนี้ในระบบอีก 3-4 แสนล้าน รอขายทอดตลาด มั่นใจปี หน้ารายได้โต 25% “เจเอ็มที” เชื่อแบงก์เตรียมนำหนี้ประมูลขายปีหน้าจำนวนมากเตรียมเงินหมื่นล้านซื้อเพิ่ม

– กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย และประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ธนาคารได้เร่งให้ความช่วย เหลือลูกหนี้ใกล้ชิด เพื่อจะช่วยเหลือตรงจุด ตรงประเด็น ส่วนสถานการณ์หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ที่ปัจจุบันมีความกังวลว่าจะ สูงขึ้นนั้นเชื่อว่าได้ผ่านจุดน่ากังวลแล้ว แต่หน้าผาเอ็นพีแอลยังมีความชันอยู่โดยเฉพาะกลุ่มลูกหนี้เอสเอ็มอีที่ยังมีความเปราะบาง หลังจากได้ รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้ธนาคารต้องเข้ามาดูแลลูกหนี้เอสเอ็มอีมากขึ้น โดยเฉพาะความท้าทายของธุรกิจที่จะมีทั้ง ธุรกิจดั้งเดิมและธุรกิจใหม่ โดยธนาคารพร้อมจะสนับสนุนเต็มที่

– รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยว่า สศค. ได้ออก ประกาศเรื่องการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (สินเชื่อพิโก ไฟแนนซ์) เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ให้สอดคล้องกับการปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ย อัตรากำไรจากการให้สินเชื่อ ดอกเบี้ยผิดนัดชำระค่าปรับ ค่าบริการ หรือค่าธรรมเนียมอื่น โดยลดดอกเบี้ยสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์แบบมีหลัก ประกันจาก 36% ต่อปี แบบลดต้นลดดอก เหลือ 33% ต่อปี เฉพาะในส่วนวงเงินไม่เกิน 50,000 บาทแรก

– ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณว่า ECB ไม่มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีหน้า เนื่องจากเงิน เฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ

ท่าทีของ ECB สวนทางธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบาย การเงินในวันพรุ่งนี้

– คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้

นอกจากนี้ เฟดจะปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เดือนละ 15,000 ล้าน ดอลลาร์ เริ่มตั้งแต่เดือนพ.ย. โดยเฟดจะปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเดือนละ 10,000 ล้านดอลลาร์ และปรับลดวงเงินซื้อตรา สารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) เดือนละ 5,000 ล้านดอลลาร์

– ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงต่อสื่อมวลชนภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินเมื่อคืนนี้ว่า เฟด สามารถอดทนต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย พร้อมกับกล่าวว่าเฟดจะเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิง ปริมาณ (QE) ในเดือนนี้ แม้มีความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม

– ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (3 พ.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศว่าจะเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ตั้ง แต่เดือนพ.ย. ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้

– ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐพุ่งขึ้น 571,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. จากระดับ 523,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. และสูงกว่าที่นัก วิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 395,000 ตำแหน่ง

– ไอเอชเอส มาร์กิตเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 58.7 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. จากระดับ 54.9 ในเดือนก.ย.

– กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด ว่าจะทรงตัว หรือเพิ่มขึ้น 0% หลังจากดีดตัวขึ้น 1.0% ในเดือนส.ค.

– สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (3 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนต.ค. โดยตลาดทองคำ นิวยอร์กปิดทำการซื้อขายก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะแถลงมติการประชุม

– นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาด การณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะพุ่งขึ้น 450,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้นเพียง 194,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. และคาดว่า อัตราว่างงานเดือนต.ค.จะลดลงสู่ระดับ 4.7% จากระดับ 4.8% ในเดือนก.ย.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 พ.ย. 64)

Tags: , ,
Back to Top