บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 160 ล้านหุ้น เข้า mai

บมจ.บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล (KCC) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 160 ล้านหุ้น คิดเป็น 25.81% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมีบริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

วัตถุประสงค์การระดมทุนเพื่อนำเงินไปใช้จัดหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและทรัพย์สินรอการขาย, ชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน และ/หรือ ชำระหุ้นกู้ที่ถึงกำหนดที่ออกโดยบริษัทฯ และ/หรือภาระหนี้สินอื่นใดของบริษัทฯ รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ

KCC ประกอบธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากการรับซื้อหรือรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ลูกหนี้ NPLs) จากสถาบันการเงิน และผู้ประกอบธุรกิจทางการเงิน เพื่อนำมาบริหารจัดการปรับโครงสร้างหนี้ โดยมีจุดมุ่งหมายในการแก้ไขปัญหาหนี้เสียร่วมกับลูกหนี้ เพื่อให้ลูกหนี้สามารถที่จะชำระหนี้ที่ค้างชำระและสามารถดำเนินกิจการของตนต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย (NPA) เพื่อนำมาปรับปรุงและจำหน่ายต่อไป

บริษัทมีโครงการในอนาคตจากการกำหนดนโยบายการลงทุนซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้น โดยในปี 64 บริษัทตั้งงบประมาณการลงทุนในสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ 230 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ใช้เงินลงทุนในการซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพประเภทสินเชื่อที่อยู่อาศัย 88 ล้านบาท ซึ่งปีนี้บริษัทกำหนดเป้าหมายจะมีสัดส่วนลงทุนในสินทรัพย์ด้อยคุณภาพประเภทสินเชื่อธุรกิจ และสินเชื่อที่อยู่อาศัย เท่ากันที่ 50% ของเงินลงทุน ขณะที่ในช่วงเดือน ม.ค.-ต.ค.64 ที่ผ่านมา บริษัทได้ลงทุนในสินทรัพย์ด้อยคุณภาพไปแล้วราว 30% ของบประมาณการลงทุนทั้งปีนี้

ทั้งนี้ บริษัทคาดการณ์ว่าในช่วงไตรมาส 4/64 สถาบันการเงินและผู้ประกอบธุรกิจทางการเงินจะมีการนำสินทรัพย์ด้อยคุณภาพมาเปิดประมูลมากขึ้น เนื่องจากแนวโน้มของหนี้เสียในระบบยังจะเพิ่มขึ้นหลังจากเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ และภาวะเศรษฐกิจยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้ความสามารถในการชำระหนี้ลดลง โดยคาดว่าจะดำเนินการเจรจาและศึกษาข้อมูลรายละเอียด (Due Diligence) ในการเข้าซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพประเภทสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่จากสถาบันการเงิน และผู้ประกอบธุรกิจทางการเงิน อย่างน้อย 2 ราย หากประมูลสำเร็จอาจจะใช้เงินลงทุนเกินกว่างบประมาณที่ตั้งไว้

โครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ประกอบด้วย กลุ่มบุญบรรเจิดศรี ถือหุ้น 321,999,960 หุ้น คิดเป็น 70% หลังเสนอขายหุ้น IPO จะลดสัดส่วนหุ้นเหลือ 51.94% และนายทวี กุลเลิศประเสริฐ ถือหุ้น 138,000,000 หุ้น คิดเป็น 30% จะลดสัดส่วนหุ้นเหลือ 22.26%

ผลประกอบการในช่วงปี 61-63 บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงาน 118.50 ล้านบาท 57.10 ล้านบาท และ 128.10 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนใหญ่มาจากรายได้จากธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ 3 ส่วนคือ รายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้สุทธิ กำไรสุทธิจากการรับชำระหนี้ และ กำไรจากการขายเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้ ขณะที่กำไรสุทธิเท่ากับ 44.90 ล้านบาท 12.03 ล้านบาท และ 49.06 ล้านบาท ตามลำดับ

ขณะที่งวด 6 เดือนแรกของปี 64 บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงาน 64.46 ล้านบาท กำไรสุทธิ 32.19 ล้านบาท ณ 30 มิ.ย.64 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 723.70 ล้านบาท หนี้สินรวม 282.61 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 441.09 ล้านบาท

บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบเฉพาะกิจการ ภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัทฯ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 พ.ย. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top