CENTEL ลุ้นปี 65 ฟื้นบวกหากโควิดไม่กลับมาระบาดอีก วางแผนลุยลงทุน 4 พันลบ.

นายกันย์ ศรีสมพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บมจ.โรงแรม เซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) กล่าวว่า บริษัทมองว่าในปี 65 หากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลงได้อย่างชัดเจนและไม่กลับมาระบาดอีกครั้ง ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ต่างๆ กลับมาเป็นปกติ นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้ามาท่องเที่ยวในไทยได้เพิ่มมากขึ้น จะทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฟื้นตัวกลับมาเป็นบวกได้อย่างชัดเจน

ขณะที่บริษัทวางแผนการลงทุนในปี 65 ภายใต้วงเงิน 4 พันล้านบาท เพื่อรองรับการลงทุนก่อสร้างและปรับปรุงโรงแรม เช่น โรงแรมแห่งใหม่ในโอซาก้า การก่อสร้างโรงแรมเพิ่มในมัลดีฟส์ และ การปรับปรุงโรงแรมใน จ.กระบี่ รวมถึงการขยายสาขาร้านอาหารในเครือ นอกจากนั้น ยังมีวงเงินลงทุนที่เตรียมไว้รองรับการทำดีลอต่าง ๆ ที่จะเข้ามาเพิ่มศักยภาพให้กับธุรกิจ

ส่วนผลประกอบการในปี 4 มองว่าทิศทางในช่วงไตรมาส 4/64 กลับมาดีขึ้นค่อนข้างมาก และการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆของบริษัทอย่างต่อเนื่อง ทำให้จะเป็นปัจจัยหนุนผลงานในปีนี้แม้ว่าจะยังขาดทุน แต่จะขาดทุนลดลงจากปี 62

นายกันย์ กล่าวว่า แนวโน้มภาพรวมในไตรมาส 4/64 มั่นใจว่าจะเห็นการฟื้นตัวกลับมาอย่างโดดเด่น หลังจากผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 3/64 เนื่องจากภาครัฐได้มีการเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.64 ทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเริ่มทยอยเดินทางเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้นเข้ามาเสริมกับคนไทยที่ยังมีการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในหัวเมืองท่องเที่ยวหลัก ทั้ง ภูเก็ต พัทยา และ หัวหิน เป็นต้น ประกอบกับมีโครงการเราเที่ยวด้วยกันที่เข้ามาช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ

ทั้งนี้ อัตราการจองห้องพักในเดือน ต.ค.64 กลับมาเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% และในช่วงเดือน พ.ย.และ ธ.ค. 64 มีอัตราการจองห้องพักของโรงแรมในเครือ CENTEL เข้ามาแล้วมากกว่า 30% ขณะที่อัตราการเข้าพักทั้งปี 64 คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 15-20%

ด้านรายได้ต่อห้องพัก (RevPar) แม้ว่าภาพรวมในปี 64 จะยังติดลบราว 30-40% จากปีก่อน เนื่องจากมีการปิดให้บริการบางโรงแรมไปชั่วคราวในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติยังไม่กลับมาเต็มที่ รวมทั้งการลดราคาทำโปรโมชั่นต่างๆ ทำให้ RevPar ในปีนี้ยังมีแรงกดดัน แต่ในไตรมาส 4/64 RevPar มีทิศทางการกลับมาเติบโตมากขึ้น จากการที่โรงแรมต่างๆในเครือของ CENTEL กลับมาเปิดให้บริการ และมีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติกลับเข้ามามากขึ้น ส่งผลให้มีรายได้เข้ามา แม้ว่ายังมีการทำโปรโมชั่นกระตุ้นลูกค้าเข้ามาใช้บริการอยู่

นายกันย์ กล่าวอีกว่า สำหรับธุรกิจอาหารในช่วงไตรมาส 4/64 จะเห็นการเติบโตค่อนข้างมาก หลังจากในช่วงปลายเดือน ก.ย.64 ภาครัฐเริ่มให้เปิดให้นั่งทานอาหารในร้านได้ 50% ทำให้มีลูกค้ากลับเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก และปัจจุบันสามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ ทำให้ยอดขายที่มาจากสาขาของร้านอาหารกลับมาช่วยเสริมยอดขายเดลิเวอรี่ โดยเฉพาะร้าน 4 แบรนด์หลัก คือ KFC, Mister Donut, Auntie Anne’s และ Otoya ที่ยอดขายกลับมาฟื้นตัวได้ดี

ดังนั้น ในปีนี้ธุรกิจอาหารยังเป็นธุรกิจหลักที่ช่วยประคองภาพรวมของผลการดำเนินงานของบริษัท โดยมีมีสัดส่วนรายได้ปรับเพิ่มขึ้นมาเป็น 84% จากเดิมที่ 58% หลังจากที่ธุรกิจโรงแรมได้รับผลกระทบจากการท่องเที่ยวที่ชะลอไปในช่วงที่เกิดสถานการณ์กรแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 พ.ย. 64)

Tags: , ,
Back to Top