แนวโน้มหุ้นไทยเช้าแกว่งไซด์เวย์ เจอแรงถ่วง Bond yield พุ่ง-เงินดอลลาร์ฯแข็งค่า

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ เผชิญแรงถ่วงจาก Bond yield สหรัฐฯพุ่งมาที่ 1,64% และเงินดอลลาร์สหรัฐฯก็แข็งค่าขึ้นในรอบ 16 เดือน แต่ได้แรงหนุนจาก GDP งวดไตรมาส 3/64 ของไทยดีกว่าตลาดคาด สะท้อนเศรษฐกิจฟื้นดีในช่วงท้ายปีนี้-จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศต่ำลงสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้ส่วนใหญ่แกว่งบวกเล็กน้อย คาดหวังคืบหน้าทางบวกในการประชุมผู้นำสหรัฐฯ-จีน พร้อมให้แนวรับ 1,632-1,635 แนวต้าน 1,645 ถัดไป 1,650-1,652 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ จากบรรยากาศนอกประเทศถ่วงอยู่ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) ของสหรัฐฯ พุ่งขึ้นมาที่ 1.64% และเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้นในรอบ 16 เดือน แต่ปัจจัยในประเทศดีจากผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) งวดไตรมาส 3/64 ของไทยออกมาดีกว่าตลาดคาด สะท้อนเศรษฐกิจน่าจะฟื้นตัวได้ดีในช่วงท้ายปีนี้ อีกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศอยู่ในระดับที่ต่ำลง สร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวกราว 0.1-0.2% อาจมาจากความคาดหวังคืบหน้าการประชุมผู้นำสหรัฐฯ และจีน ในทางบวก ซึ่งขณะนี้ยังรอติดตามผลการประชุมอยู่ อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ, ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค.ของสหรัฐฯ และ GDP ไตรมาส 3/64 ของสหภาพยุโรป ส่วนบ้านเราให้ติดตามที่ประชุมร่วมรัฐสภาในการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับประชาชน ซึ่งเริ่มวันนี้ และติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรด้วย

พร้อมให้แนวรับ 1,632-1,635 จุด ส่วนแนวต้าน 1,645 ถัดไป 1,650-1,652 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (15 พ.ย.)ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 36,087.45 จุด ลดลง 12.86 จุด (-0.04%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,682.80 จุด ลดลง 0.05 จุด (-0.00%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,853.85 จุด ลดลง 7.11 จุด (-0.04%)

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 27.09 จุด หรือ -0.09%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 55.74 จุด หรือ +0.22% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 2.84 จุด หรือ -0.08%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (15 พ.ย.)1,638.73 จุด เพิ่มขึ้น 4.79 จุด (+0.29%)

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 354.95 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 พ.ย.64

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (15 พ.ย.) ปิดที่ระดับ 80.88 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 9 เซนต์ หรือ 0.1%

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (15 พ.ย.) อยู่ที่ 4.63 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 32.75 แนวโน้มแกว่งในกรอบ 32.70-32.85 จับตาการหารือสหรัฐฯ-จีน

– “อาคม” มั่นใจเศรษฐกิจปี 65 ขยายตัว 4% รัฐบาลเดินนโยบายคู่ขนาน “คุมโควิด-ฟื้นเศรษฐกิจ” เน้นให้เติบโตทุกภาคส่วน ระบุ การส่งออกและเม็ดเงิน ภาครัฐราว 4 ล้านล้านหนุนเติบโต

– นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า จากกรณีข้อเรียกร้องของภาคเอกชนที่ต้องการให้รัฐบาลนำโครงการช้อปดีมีคืนกลับมาใช้อีกครั้งหนึ่ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนั้น ขณะนี้อยู่ในแผนที่รัฐบาลกำลังพิจารณา เนื่องจากโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ยังไม่เห็นผลมากตามที่คาดหวัง ผู้มีรายได้สูงมองว่าไม่สะดวกในการใช้มาตรการ โดยอาจจะนำโครงการช้อปดีมีคืนมาใช้ในปี 65 เพื่อให้เกิดการต่อเนื่องกับโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ที่จะสิ้นสุดลงภายในสิ้นปี 64 ขณะนี้ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังไปศึกษาความเป็นไปได้และความเหมาะสมของมาตรการต่อไป

– การบินไทยเผยผลจากแผนฟื้นฟูดันกำไร 9 เดือน 5.1 หมื่นล้านบาท คาดรายได้ปี’65 พุ่งทะลุ 5 หมื่นล้าน ลุ้นปี’66 พลิกทำกำไรจริงปีแรก จับตาปี’67 รายได้ใกล้เคียงก่อนวิกฤตโควิด รอคำตอบ ก.คลังให้ดำเนินการอย่างไรหากไม่เพิ่มให้ตามแผนฟื้นฟู

– รมว.พลังงาน เผยกระทรวงกำลังเร่งดำเนินการขอกู้ยืมเงินเพิ่มเติมภายใต้พ.ร.บ.กองทุนน้ำมัน พ.ศ.2562 จำนวน 20,000 ล้านบาท เพื่อนำเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบเร็วที่สุด เพราะกองทุนน้ำมันปัจจุบันมีเงินเหลือไม่มาก และจะช่วยตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ได้จนถึงสิ้นปีนี้เท่านั้น แต่จากการติดตามแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด คาดว่าจะเริ่มอ่อนตัวลงได้ เพราะหากผู้ผลิตน้ำมันขึ้นราคาเร็วเกินไป จะส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกช้าลง จากภาวะเงินเฟ้อที่จะสูงขึ้นขณะที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในหลายประเทศยังไม่คลี่คลาย การขึ้นราคาในตลาดโลกจึงไม่เป็นประโยชน์กับใครเลย

– สศช.แถลงจีดีพีไตรมาส 3/64 ติดลบ 0.3% น้อยกว่าที่คิดเพราะใช้มาตรการล็อกดาวน์พื้นที่เศรษฐกิจเผยมีเม็ดเงินจากมาตรการรัฐอัดลงไป 2.1 แสนล้านบาท มั่นใจปี 64 จีดีพีไม่ติดลบ คาดขยายตัว 1.2% ส่วนปี 65 คาดขยายตัว 3.5-4.5%

หุ้นเด่นวันนี้

– INSET-W1 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.อินฟราเซท (INSET) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 307,087,207 หน่วยอัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 2.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (25 ตุลาคม 2564 ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 31 มี.ค. 2565 และวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 24 ต.ค. 2566

– GFPT (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้าสูงสุด IAA Consensus 15 บาท ราคาหุ้นลดลงสะท้อนผลการดำเนินงานที่ขาดทุน 87 ล้านบาทใน Q3/64 ไปแล้ว แนะดักซื้อเก็งกำไรหลังจากราคาไก่ในประเทศเริ่มปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 35 บาท/ก.ก. จากเฉลี่ย 30 บาท/กก. ในเดือน ต.ค. และบางพื้นที่ปรับขึ้นเป็น 43 บาท/ ก.ก.

– AH (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 29 บาท กำไรปกติผ่านจุดต่ำสุดของปีใน Q3/64 ที่ -39% Q-Q, -49% Y-Y ไปแล้วที่ถูกกระทบจาก Lockdown และ Chip Shortage ขณะที่ Q4/64 จะฟื้นตัวแกร่งตามปัญหาที่คลี่คลายและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยยังคงคาดการณ์กำไรปี 64-65 +467% Y-Y และ +26% Y-Y ขณะที่ Valuation ยังถูกมาก ซื้อขายที่ 2565PER และ 2565PBV เพียง 7 เท่าและ 0.9 เท่า ตามลำดับ พร้อมให้แนวรับ 21.50 บาท แนวต้าน 22.50 ถัดไป 23-23.20 บาท

– EA (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 74 บาท Theme EV กลับมา รอสรรพามิตเคาะภาษีสนับสนุนผู้ผลิต EV ในประเทศ ด้านโรงงานผลิตแบตเตอรี่ COD ไปแล้ว คาดปีหน้าบริษัทจะมาอัพเดตข้อมูลเพิ่ม, ฝั่ง Demand EV กำลังจะเพิ่มขึ้น ส่วน Theme พลังงานสะอาด ปีหน้าจะเด่น บริษัทเตรียมงบอัพเกรดแผง Solar และลงทุนโครงการใหม่กว่า 2.7 พันลบ. เพิ่มประสิทธิภาพและกำลังการผลิตไฟฟ้า ด้าน Bloomberg Consensus ประเมินกำไรสุทธิปี 64-65 ที่ 5.9 พันลบ. และ 7.5 พันลบ. +14%YoY, +27%YoY ตามลำดับ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 พ.ย. 64)

Tags: , , ,
Back to Top