หุ้นไทยปิดลบ 2.82 จุด ยังปรับฐาน ขึ้นเหนือ 1,600 ยาก-รอดูความคืบหน้าโอไมครอนเป็นหลัก

SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,587.99 จุด ลดลง 2.82 จุด (-0.18%) มูลค่าการซื้อขายราว 37,817 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่ง Sideway ถึง Sideway Down โดยยังเห็นการปรับฐานอยู่ทำให้ขึ้นไปเหนือ 1,600 คงจะยาก เพราะตอนนี้ต่างรอดูความคืบหน้าของไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอน และรอดูปัจจัยใหม่เข้ามาหนุนด้วย ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้แกว่งบวก-ลบ โดยให้ติดตามการประชุมกลุ่มโอเปกพลัสวันนี้ บ่ายนี้ตลาดฯคงจะแกว่งไซด์เวย์ โดยมีแนวรับ 1,575-1,580 แนวต้าน 1,590 จุด

  • ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,587.99 จุด ลดลง 2.82 จุด (-0.18%) มูลค่าการซื้อขายราว 37,817 ล้านบาท
  • การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ โดยทำระดับสูงสุด 1,591.88 จุด และระดับต่ำสุด 1,580.08 จุด

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่ง Sideway ถึง Sideway Down โดยยังเห็นการปรับฐานอยู่ ทำให้ดัชนีฯอาจจะปรับขึ้นเหนือระดับ 1,600 จุดได้ยาก ซึ่งขณะนี้ต่างก็รอดูความคืบหน้าของไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ว่าจะมีการแพร่ระบาดมากแค่ไหน บ้านเราจะมีการพบเชื้อตัวนี้หรือไม่ และวัคซีนต้านโควิดจะป้องกันได้แค่ไหน ซึ่งปัจจัยดังกล่าวนี้เป็นปัจจัยหลักที่ต่างรอดูความคืบหน้ากัน อีกทั้งยังรอดูปัจจัยใหม่เข้ามาหนุนด้วย

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ พร้อมให้ติดตามการประชุมกลุ่มโอเปกพลัสในวันนี้ และยังต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอนด้วย

แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายวีระวัฒน์ กล่าวว่า ตลาดฯคงจะยังแกว่งไซด์เวย์ โดยมีแนวรับ 1,575-1,580 จุด ส่วนแนวต้าน 1,590 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,498.97 ล้านบาท ปิดที่ 133.50 บาท ลดลง 1.50 บาท

PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,497.29 ล้านบาท ปิดที่ 37.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท

AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,211.60 ล้านบาท ปิดที่ 59.25 บาท ลดลง 0.75 บาท

EA มูลค่าการซื้อขาย 1,037.32 ล้านบาท ปิดที่ 81.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท

SABUY มูลค่าการซื้อขาย 1,002.83 ล้านบาท ปิดที่ 17.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ธ.ค. 64)

Tags: , ,
Back to Top